Celo สานฝันสร้างโปรเจกต์ Blockchain รักษ์โลก

มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ร่วมมือกับทาง Celo Foundation และ Celo Climate Collective ในการพัฒนาโปรเจกต์ Blockchain รักษ์โลกตัวใหม่ ผ่านการนำ Celo หรือ แพลตฟอร์ม DeFi แห่งแรกบนโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ปล่อยแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงยังนำ Ethereum Virtual Machine (EVM) มาใช้ร่วมกับเครือข่ายได้อีกด้วย ซึ่งหากโปรเจกต์ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จะส่งผลให้ทาง Uniswap สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้มากเกือบ 6 พันล้านเครื่องเลยทีเดียว

Celo คืออะไร?

Celo คือหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน Blockchain ที่ได้รับการพัฒนา และสนับสนุนจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรสัญชาติอเมริกันอย่าง Celo Foundation โดยคำนึงถึงความสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อม, สังคม และการกำกับดูแลภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นควายั่งยืน หรือ ESG เป็นหลัก นอกจากนี้ทางองค์กรยังมีความมุ่งมั่นในการที่จะทลายข้อจำกัดในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม DeFi ด้วยคอมพิวเตอร์ ด้วยการขยายขีดความสามารถให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแพลตฟอร์มผ่านโทรศัพท์มือถือได้อีกทางหนึ่งด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น Celo ยังได้ตั้งเป้าที่จะใช้ Smart Phone เป็นเครื่องมือในการเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เพียงแค่ใช้เบอร์โทรศัพท์เป็น Public Key เพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการรองรับ Smart Contract และ EVM เพื่อช่วยให้บรรดานักพัฒนาจากทั่วโลกสามารถสร้าง DApps บน Celo Blockchain หรือ สร้าง Ethereum ได้อีกด้วย

Celo เปย์ Uniswap $20 ล้านเพื่อสร้างโปรเจกต์ Blockchain รักษ์โลก

Celo Foundation มอบ Celo มูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับทาง Uniswap เพื่อนำไปใช้ลงทุนพัฒนากลยุทธ์การดึงดูดผู้ใช้งาน และยังมอบอีก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาด้านการเงินอีกด้วย จุดเด่นหลักของการปรับใช้เทคโนโลยีในครั้งนี้ก็คือนำเสนอ Liquidity Pool ของสินทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดตัวสินทรัพย์รักษ์โลก เช่น โทเคนที่สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงได้ (Carbon Credit) เป็นต้น นอกจากนี้ทางองค์กรยังได้วางแผนที่จะนำเสนอสินทรัพย์รักษ์โลกอีกประเภทหนึ่งที่ผลิตขึ้นบนเครือข่ายของ Celo เช่น ที่ดิน และผืนป่า ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ทำไม Celo ถึงเลือก Uniswap?

Uniswap แพลตฟอร์ม DeFi ที่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum Blockchain และใช้ Smart Contract ในการแลกเปลี่ยนเหรียญ ERC20 สกุลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Ethereum (ETH), Basic Attention Token (BAT), หรือ OmiseGO (OMG) เป็นต้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกรรมกว่าพันล้านรายการโดยไม่ต้องใช้ตัวกลาง และคิดค่าธรรมเนียมเป็นเหรียญ ETH ราว 0.3% เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ใช้งานบางรายยังใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Uniswap ผ่านการจ่ายเหรียญเพื่อสร้างสภาพคล่องคืนให้แก่แพลตฟอร์ม แลกกับการได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการแลกเปลี่ยนเหรียญอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน Uniswap ได้ดำเนินการอัปเกรดโปรโตคอลของแพลตฟอร์มขึ้นมาเป็นเวอร์ชัน 3 ในเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมา ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายที่จะพัฒนาให้แพลตฟอร์มกลายเป็น ระบบการทำงานที่สามารถสร้างสภาพคล่องให้แก่ตลาดลงทุน (AMM) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยได้รับการพัฒนา โดยจะมุ่งเน้นไปที่การนำฟีเจอร์ใหม่ ๆ ทั้งหมด 3 ประการเข้ามาใช้ เพื่อช่วยให้บรรดานักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 4000 เท่า เมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 2 นอกจากนี้ ทางแพลตฟอร์มยังคิดค่า Slippage หรือ ค่าความคลาดเคลื่อนระหว่างราคา ณ จุดที่เกิดสัญญาณซื้อขาย กับ ราคาที่เราซื้อขายจริง ๆ ได้ต่ำกว่าแพลตฟอร์มแบบ Centralized และ AMM ทั่วไปได้มากเลยทีเดียว

นอกจากการขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์ม DeFi ชั้นนำที่ผู้คนทั่วโลกต่างเลือกใช้แล้วนั้น ทางด้าน Uniswap ยังได้เข้ามามีส่วนในการช่วยสร้างอินเทอร์เฟซ Altcoin swap พร้อมบริจาคเงินทุนให้กับรัฐบาลยูเครนสามารถนำไปใช้สร้างประโยชน์ต่อไปได้ หลังถูกรัสเซียบุกเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

Uniswap จะช่วยส่งเสริมให้ระบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?

เป้าหมายในการมุ่งมั่นโปรเจกต์ Blockchain รักษ์โลกไม่ได้มีเพียงแค่นั้น Celo Foundation ยังได้วางแผนที่จะปรับสมดุลเงินสำรองด้วยสินทรัพย์รักษ์โลก ผ่านกลไกการกระจายอำนาจของ Uniswap เนื่องจากก่อนหน้านี้ เครือข่าย Blockchain ของ Celo นั้นยังคงต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนประเภทรวมศูนย์ในการปรับสมดุลต่าง ๆ อยู่ ซึ่งการกระทำเหล่านั้นไม่ได้ช่วยสร้างความเป็นมิตรให้แก่สิ่งแวดล้อมได้แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Uniswap กลายเป็นฮีโร่ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งก้าวขึ้นมามีบทบาทที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นให้กับโปรเจกต์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน