ทุกธนาคารกลางควรแบนการซื้อขาย Bitcoin
อดีตสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ Nick Boles ดูเหมือนจะไม่ชอบ Bitcoin เอาเสียเลย และเขามองว่าธนาคารกลางควรตรวจสอบการซื้อขายของสกุลเงินดิจิทัลที่เขาแสนจะไม่ปลื้มแบบทุกฝีก้าว

อดีตสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ Nick Boles ดูเหมือนจะไม่ชอบ Bitcoin เอาเสียเลย และเขามองว่าธนาคารกลางควรตรวจสอบการซื้อขายของสกุลเงินดิจิทัลที่เขาแสนจะไม่ปลื้มแบบทุกฝีก้าว
ปัญหาของ Nick Boles ผู้เป็นอดีตสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ กับ Bitcoin ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับการที่สกุลเงินดิจิทัลเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ใช้งานได้หรือไม่อีกต่อไปแล้ว โดยเขาอธิบายว่าเหตุผลที่ควรห้ามการซื้อขาย Bitcoin ในความคิดของเขาเป็นเพราะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเสียมากกว่า โดยอ้างจากการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาคอุสาหกรรม Bitcoin ได้แซงหน้าอาร์เจนตินาไปแล้วในด้านของการใช้พลังงานประจำปี
การศึกษาครั้งดังกล่าวรวบรวมโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และแสดงให้เห็นว่าในทุก ๆ ปี Bitcoin ได้ใช้พลังงานไปทั้งสิ้น 121.88 TWh โดย Cryptocurrency ชนิดนี้เพิ่งวิ่งแซงหน้าอาร์เจนตินาในด้านการใช้พลังงาน และดูเหมือนว่ากำลังเข้าใกล้การใช้พลังงานประจำปีของนอร์เวย์ที่ 122.20 TWh ต่อปี เพียงอีกไม่กี่ก้าว
Bole ทวีต
Central banks should ban the trading of it, and force anyone who holds Bitcoin and wants to use it in any transaction, to exchange it for another currency that does not have such a damaging side effect. There are other cyber currencies that do no harm in the real world at all. https://t.co/wn6CqzzZZT
— Nick Boles (@NickBoles) February 9, 2021
“ธนาคารกลางควรห้ามการซื้อขาย และบังคับให้ทุกคนที่ถือ Bitcoin และต้องการใช้ในธุรกรรมใด ๆ ให้แลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นที่ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเช่นนี้ มีสกุลเงินไซเบอร์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายในโลกแห่งความเป็นจริงเลย”
ระบบนิเวศการพิสูจน์การมีส่วนได้ส่วนเสียนั้นสามารถเป็นทางออกของปัญหานี้หรือไม่?
วิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับการขุด Bitcoin อาจเป็นการใช้แนวทางของการพิสูจน์ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ Proof-of-stake สำหรับการ Transaction โดยให้การประมวลผลที่น้อยลงของเครือข่ายเป็นตัวที่ลดผลกระทบเหล่านั้น
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นาย Henri Arslanian ผู้นำด้าน Crypto ระดับโลกของ PwC เปิดเผยว่าธุรกรรม Bitcoin หนึ่งรายการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณเท่ากันกับที่ครัวเรือนในสหรัฐฯโดยเฉลี่ยในช่วงยี่สิบวัน
ฉะนั้นแล้วการทำ Proof-of-Stake (PoS) บน Blockchains จึงอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าโปรโตคอล Proof-of-Work (PoW) ตามที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าว เนื่องจาก PoS Blockchains ใช้การเข้ารหัสความสามารถในการประมวลผลที่ต้องการจึงต่ำกว่าธุรกรรม PoW อย่างมาก และนั่นส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน Ethereum มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนจาก Proof-of-Work ในการพิสูจน์การทำงานไปเป็นเครือข่ายหลักที่พิสูจน์ได้ว่ามีการเดิมพันอย่างแท้จริง เมื่อ Ethereum 2.0 เสร็จสิ้นการอัปเกรดจะช่วยให้สามารถทำธุรกรรมด้วยวิธีที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นนอกเหนือจากประโยชน์อื่น ๆ เช่นความสามารถในการปรับขนาดที่ดีขึ้น