ธุรกิจขุด Bitcoin ทั่วโลกใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น

เนื่องด้วยวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี ทางโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Environment Program - UNEP) ได้กำหนดให้เป็นวันคุ้มครองโลก หรือ Earth Day เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยังคงสร้างผลกระทบให้กับมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเหมืองขุดเหรียญดิจิทัล ที่บรรดาเจ้าของกิจการ และนักลงทุนบางกลุ่มได้เริ่มหันมาใส่ใจ และพัฒนาระบบการปฏิบัติการที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ สมาคม Bitcoin Mining Council จึงได้ร่วมกันประชุมในวาระประจำเดือนมกราคม เพื่ออภิปรายถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนจะพบความเป็นไปได้ที่น่าสนใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าจำนวนธุรกิจขุด Bitcoin (BTC) เริ่มหันมาใช้พลังงานสีเขียวเพิ่มขึ้นราว 58.5%

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจขุด Bitcoin หันมาใช้พลังงานสีเขียว

หลังจากบรรดาผู้ใช้งาน และนักลงทุนในตลาดคริปโตหลายรายตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ความต้องการของผู้ประกอบการที่เริ่มตัดสินใจหันมาใช้พลังงานสะอาด แทนการใช้พลังงานในรูปแบบเดิมก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นตามมาด้วย สาเหตุหลักนั้นต่างก็มาจากความมุ่งมั่นในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม, แรงกดดันทางการเมือง และความพยายามในการใช้จ่ายเงินลงทุนให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งการร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงตลาดในครั้งนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนระลอกใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล กระจายลงไปถึงกิจการเหมืองขุด Bitcoin ทั่วโลก ที่หันมาปรับเปลี่ยนระบบส่งไฟฟ้า (Power Grid) ในบางพื้นที่แล้วนั่นเอง

นอร์เวย์มีจำนวนธุรกิจขุด Bitcoin หันมาใช้พลังงานสีเขียวมากที่สุดในโลก

ประเทศนอร์เวย์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เริ่มหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในอัตราส่วน 100% โดยปริมาณพลังงานที่สามารถผลิตได้ต่อปีนั้นอยู่ที่ 157 เทราวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมีอัตราส่วนพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากน้ำอยู่กว่า 88% ประกอบกับสัดส่วนที่เหลือที่ผลิตได้จากแรงลม และความร้อน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เหมืองขุด Bitcoin ในประเทศนอร์เวย์ ได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศที่มีจำนวนเหมืองที่ใช้พลังงานสะอาดมากกว่าที่ใดในโลก ยิ่งไปกว่านั้นตามข้อมูลการวิจัยจากบริษัท CoinShares ยังพบว่า จำนวนนักขุดที่หันมาใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลให้อัตรา Hashrate สุทธิขยับขึ้นมาราว 1% อีกด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่า ต้องยกความดีความชอบจากผลงงานในครั้งนี้ให้กับทางรัฐบาลที่เอื้อให้กิจการขุดคริปโตสามารถเข้าถึงพลังงานน้ำ (Hydropower) และพลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆ ได้

พลังงานน้ำอาจเป็นพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับการขุดคริปโตมากที่สุด

Mas Nakachi กรรมการผู้จัดการแห่ง XBTO Group กิจการเหมืองขุดคริปโตในไมอามีก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 ก็ได้ออกมาระบุว่าเขาเชื่อมั่นว่าพลังงานน้ำจะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตพลังงานทดแทนที่พึ่งพาได้มากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมการขุดคริปโต ณ ขณะนี้ ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลว่าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากแรงลมนั้น จำเป็นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยทางด้านอากาศ และพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก เมื่อลองมาเปรียบเทียบกับน้ำที่มีการไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา และยังสามารถถูกสูบขึ้นมากักเก็บไว้เป็นพลังงานส่วนเกินที่เตรียมนำไปใช้ผลิตพลังงานขุดในสถานการณ์ที่จำเป็นได้อีกด้วย พร้อมกันนี้เขายังได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งระบุว่า

“การควบคุมพลังงานน้ำยังคงเป็นกลไกการผลิตพลังงานที่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยรักษาศักยภาพในการขุดให้ดำเนินต่อไปได้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

Nakachi เชื่อว่าตลาดจะพัฒนาให้คริปโตมีความยั่งยืนได้

แม้ว่า วารสารงานวิจัยด้านพลังงาน และสังคมศาสตร์ประจำเดือนกุมภาพันธ์จะให้ข้อสรุปว่า คริปโตเคอร์เรนซีนั้นได้รับการออกแบบมาอย่างไม่ยั่งยืนเท่าไรนัก แต่ทว่า Nakachi เองกลับมองว่ายังคงมีหนทางที่จะพัฒนากระบวนการการขุดของเหมืองคริปโตให้มีความยั่งยืนได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของภาคเศรษฐกิจ หรือ ด้านการส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนแก่สิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม หนทางที่ Nakachi ได้กล่าวถึงนั้น ถูกค้นพบในข้อมูลการสำรวจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งนั่นก็คือการใช้ประโยชน์จกห้องกักเก็บ Server หรือ Data Center ที่มีความยืดหยุ่น ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนในระหว่างที่ทางเหมืองคริปโตผลิตพลังงานจากเสาไฟฟ้าสาธารณะชั่วคราว เพื่อสร้างพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเองจากเครื่องให้กำเนิดไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งจะลดทอนการใช้งานเสาไฟฟ้าที่หนักเกินไปในช่วงที่ความต้องการนั้นเพิ่มสูงขึ้นได้นั่นเอง