กองทุน Spot Bitcoin และ Ether ไหลออก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขยับสูงจากนโยบายภาษี Trump
กองทุน Bitcoin และ Ether ETF เผชิญการไหลออกในวันศุกร์นี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump
กองทุน Bitcoin และ Ether ETF เผชิญการไหลออกในวันศุกร์นี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump
ข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า กองทุน Ether ETF พบการไหลออกมูลค่า 164.6 ล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่งมีเงินไหลเข้าเถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ ติดต่อกัน 5 วันก่อนหน้า
ขณะที่ Bitcoin ETF ก็พลิกกลับมาติดลบเช่นกัน โดยถูกถอนออกสุทธิ 126.6 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการไหลออกครั้งแรกนับตั้งแต่ 22 สิงหาคม ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) ลดลงเหลือ 2.858 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับ Ethereum และ 1.39 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับ Bitcoin
ในบรรดากองทุนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด กองทุน Fidelity FBTC เผชิญกับกระแสเงินไหลออกสูงสุดกว่า 66.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กองทุน ARKB ของ ARK Invest และ 21Shares ก็มีการถอนเงินออกไปรวมกว่า 72.07 ล้านดอลลาร์ ส่วน Grayscale GBTC ถูกถอนออกไปอีกราว 15.3 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock IBIT ยังมีเงินไหลเข้า 24.6 ล้านดอลลาร์ และ WisdomTree BTCW เพิ่มอีก 2.3 ล้านดอลลาร์
เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
แรงเทขาย ETF เกิดขึ้นพร้อมกับรายงานเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ของ Fed ที่เพิ่มขึ้น 2.9% ต่อปีในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว CNBC ระบุว่า นโยบายภาษีของ Trump โดยเฉพาะการเก็บ ภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% และภาษีตอบโต้ในบางสินค้า กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนการนำเข้าและผลักดันราคาในประเทศให้สูงขึ้น แม้ราคาพลังงานจะช่วยพยุงตัวเลขเงินเฟ้อ แต่อัตราค่าบริการโดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นถึง 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ถึงอย่างนั้น ตลาดยังคงคาดว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป หากข้อมูลตลาดแรงงานมีความเปราะบางลงตามที่คาดการณ์
Ether ยังได้แรงหนุนจากสถาบัน
แม้จะพบการไหลออกในระยะสั้น แต่กองทุน Ether ETF ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2024 โดยมีเงินไหลเข้าสุทธิถึง 44% ในเดือนสิงหาคม จาก 9.5 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์
แรงหนุนส่วนใหญ่มาจากการที่ บริษัทขนาดใหญ่หันมาเก็บ Ether ในงบดุล โดยล่าสุดบริษัทต่างๆ ถือครอง ETH รวมกันแล้วกว่า 4.4 ล้านเหรียญ มูลค่ามากกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 3.7% ของอุปทานทั้งหมดในระบบ
“Ethereum กำลังได้รับการยอมรับอีกครั้ง หลังจากช่วงที่ตามหลัง Bitcoin มาพักใหญ่ ทั้งในด้านการใช้งานและคุณค่าทางการลงทุน” Fabian Dori ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Sygnum กล่าวกับ Cointelegraph
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว
