สาวกคริปโตมีเฮ! Bitcoin ป้องกันความเสี่ยงของการถือครอง USD ได้ดีกว่าทองคำ
Bitcoin นั้นกำลังมีทิศทางการเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นและตลาดทองคำ ซึ่งนี่เองเป็นเหตุให้สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสินทรัพย์ด้านการลงทุนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
Bitcoin นั้นกำลังมีทิศทางการเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นและตลาดทองคำ ซึ่งนี่เองเป็นเหตุให้สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสินทรัพย์ด้านการลงทุนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์ “Black Thursday” หรือการที่มูลค่าของ Bitcoin (BTC) ดำดิ่งลงไปแตะ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วยสาเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกประเภททั่วทุกมุมโลก กลายเป็นว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เราเห็นว่าในทุกวันนี้ BTC นั้นได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงต่อสกุลเงินยอดนิยมอย่างดอลลาร์สหรัฐได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกว่าทองคำ ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ความสัมพันธ์ของ BTC กับดัชนีหุ้น S&P 500 ก็ถึงจุดสูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ขุมทรัพย์ใหม่ที่เกิดขึ้นจาก Black Thursday
นับตั้งแต่การล่มสลายของระบบการจัดการการเงินเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system) ที่ซึ่งผูกอัตราการแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่าง ๆ เข้ากับทองคำเพียงอย่างเดียวเพื่อป้องกันการเสียดุลทางการชำระเงิน เมื่อปี 1971 ด้วยการเกิดสิ่งที่เรียกว่าเงินตรา (Fiat Currency) ขึ้นมา นับตั้งแต่บัดนั้นดอลลาร์สหรัฐดอลลาร์สหรัฐก็กลายเป็นเงินตราสำรองที่หลายรัฐใช้แทนการเก็บทองคำไปโดยปริยาย แต่เหล่านักลงทุนกลับมองว่าการถือครองทองคำนั้นเป็นการป้องกันความเสี่ยง เพราะทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบกับเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ Bitcoin และดอลลาร์นั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ภายหลังจากการเกิดภาวะ Black Thursday ในเดือนมีนาคม Bitcoin ได้เฉิดฉายออกมาสู่สายตาเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน โดยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงลบที่แข็งแกร่งกับดอลลาร์สหรัฐยิ่งกว่าทองคำเสียอีก ด้วยสาเหตุที่ว่า BTC สูญเสียมูลค่าไปเกือบครึ่งหนึ่ง และค่าเงินดอลลาร์ ณ ขณะนั้นมีความแข็งค่ามาก
พลาดแค่ก้าวเดียวแต่เจ็บตัวยาว
แต่ในไม่ช้าเรื่องราวดันกลับตาลปัตร Bitcoin สามารถเอาตัวรอดจากการสูญเสียและมีทิศทางที่ดีขึ้น ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลักอย่างทองคำ สาเหตุที่ตลาดสหรัฐฯ มีปัญหาก็มาจากความผิดพลาดของการจัดการวิกฤต COVID-19 โดยฝีมือรัฐบาล ที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตพุ่งสูงกว่าประเทศอื่น ๆ แถมยังมีผู้คนกว่า 50 ล้านชีวิตที่ประสบปัญหาว่างงาน ทั้งนี้การวางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลลาร์ยังไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศในสายตาของนักลงทุนอีกต่างหาก
BTC เป็นการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจแบบเก่า
เมื่อความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจแบบเก่าทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากจะเริ่มมองหาทางเลือกหรือการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งในอดีตหนทางการป้องกันปัญหานี้เคยเป็นทองคำ แต่หากไม่มีระบบธนาคารที่มั่นคงแล้วทองคำก็จะไม่เป็นสินทรัพย์อีกต่อไป ผู้คนจึงเริ่มหันมามองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพมาทดแทนการแบบดั้งเดิมมากขึ้น ทั้งยังมีข้อได้เปรียบบางประการที่สามารถเอาชนะทองคำได้ขาดลอย เช่น การถือครองได้โดยไม่ถูกจำกัดปริมาณ ทั้งยังสามารถซื้อขาย ถ่ายโอนได้ง่ายและแทบจะในทันทีที่ต้องการ ซึ่งการล่มสลายทางเศรษฐกิจนั้นจะทำให้ Bitcoin อาจจะกลายเป็นทองคำในรูปแบบดิจิทัลรูปแบบใหม่ก็เป็นได้