พลังงานหมุนเวียน 6 แห่งที่จะขับเคลื่อนอนาคตของการขุดบิตคอยน์ (BTC) ต่อไป

การขุดบิตคอยน์นั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาลถึง 110 เทราวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเทียบเท่าการใช้พลังงานของประเทศเล็ก ๆ เลยทีเดียว

เหมืองขุด BTC แห่งเดียวอาจใช้เครื่องขุดหลายร้อยหรือหลายพันเครื่อง หรืเทียบเท่ากับการใช้เครื่องทำความร้อนในอวกาศ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นักขุดพยายามรักษาต้นทุนพลังงานให้ต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของนักขุดบิตคอยน์

ในปัจจุบัน เหมืองขุด BTC หลายแห่งใช้แหล่งพลังงานจาก ลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังน้ำ ซึ่งล้วนแต่เป็นแหล่งพลังงานที่ถูกกว่าก๊าซและถ่านหิน นอกจากนี้ Cambridge Center for Alternative Finance เผยว่าประมาณ 76% ของนักขุดเลือกใช้แหล่งพลังงานที่ยั่งยืนอยู่แล้ว

หากนักขุดหน้าใหม่กำลังมองหาเหมืองขุดที่มีความยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  นี่คือแหล่งพลังงานหมุนเวียนชั้นนำที่จะช่วยอุตสาหกรรมได้

พลังงานแสงอาทิตย์

พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการจับพลังงานจากรังสีของดวงอาทิตย์ผ่านเซลล์โฟโตโวลตาอิกในแผงโซลาร์เซลล์ การติดตั้งและบำรุงรักษาค่อนข้างง่าย และไม่ต้องเจาะไม่ต้องทำเหมือง หรือเผาสิ่งใดๆ นอกจากนี้ ต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่งลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยค่าไฟฟ้าจาก soalr cell ระดับสาธารณูปโภคลดลง 82% จากปี 2010 ถึง 2019

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Square และ Blockstream ประกาศว่า พวกเขาจะลงทุนในโรงขุดบิตคอยน์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มรูปแบบมูลค่า 5 ล้านดอลลาห์ พวกเขากล่าวว่า "เพื่อแสดงให้เห็นว่าการขุดคริปโตด้วยพลังงานหมุนเวียนในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นไปได้ แต่ยังพิสูจน์ได้ด้วยว่าบิตคอยน์เดินหน้าไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน”

พลังงานลม

พลังงานหมุนเวียนที่มาจากลมเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยมีการจัดตั้งกังหันลมขนาดใหญ่ในพื้นที่เปิด เพื่อจับพลังงานจากการเคลื่อนที่ของอากาศและเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต้องการการขุดเจาะหรือทำเหมืองเช่นกัน เพียงแต่จำเป็นต้องมีการก่อสร้างกังหันลม  และพลังงานที่ผลิตได้ก็สามารถให้พลังงานในบ้าน เมือง หรือแม้แต่ประเทศได้ พลังงานลมมีราคาหนึ่งถึงสองเซ็นต์ต่อกิโลวัตต์/ชั่วโมง และราคามีแนวโน้มที่จะทรงตัว และไม่มีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง ทำให้แหล่งพลังงานลมมีความน่าสนใจ

พลังงานน้ำ

พลังงานจากน้ำเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่เก่าแก่ที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพลังงานที่มีความสม่ำเสมออย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากน้ำตกที่ไหลตลอดเวลาสามารถให้พลังงานที่คงที่ได้

พลังน้ำไม่ว่าจะมาจากแม่น้ำที่ไหลผ่าน หรือผ่านเขื่อนและกังหัน ล้วนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกมากที่ 85 เซนต์ต่อกิโลวัตต์/ชั่วโมง และมากกว่า 90% ของพลังงานสามารถเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าได้

ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ของจีน ก่อนที่จะมีการปราบปรามทั่วประเทศก็คือ พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าพลังน้ำจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลเสฉวน ซึ่งในฤดูฝน ไฟฟ้า 95% มาจากพลังน้ำ

พลังงานความร้อนใต้พิภพ

ประธานาธิบดี Nayib Bukele แห่งเอลซัลวาดอร์ ได้แนะนำให้เหล่านักขุดบิตคอยน์ใช้พลังงานจากภูเขาไฟ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานความร้อนใต้พิภพมาจากความร้อนที่สะสมอยู่ภายในเปลือกโลก ซึ่งอาจรวมถึงพลังงานที่ไหลผ่านไอน้ำ หรือแม้แต่ผ่านภูเขาไฟ ในปี 2020 พลังงานความร้อนใต้พิภพมีความจุที่ 14,000 เมกะวัตต์ และถือเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่อุดมสมบูรณ์และสม่ำเสมอ ทว่าพลังงานความร้อนใต้พิภพมีเฉพาะในบางพื้นที่ของโลกที่ความร้อนสามารถขึ้นสู่พื้นผิวได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่แผ่นเปลือกโลก

พลังงานน้ำขึ้นน้ำลงและพลังงานมหาสมุทร

พลังงานจากน้ำขึ้นน้ำลง หรือพลังงานจากมหาสมุทร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้คล้ายกับพลังงานน้ำ แต่แทนที่จะใช้น้ำที่ไหลผ่าน จะมีการใช้เขื่อนน้ำขึ้นน้ำลง หรือกังหันน้ำจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลงแทน ซึ่งมักจะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และจะมีการจับการเคลื่อนไหวของน้ำและเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้า โรงไฟฟ้าจากน้ำขึ้นน้ำลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 500 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี หรือเทียบเท่าน้ำมัน 862,000 บาร์เรลเลยทีเดียว

พลังงานจากของเสียและพลังงานชีวมวล

แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่งคือ พลังงานจากของเสีย ซึ่งมาจากวัสดุอินทรีย์ที่ย่อยสลาย โดยสร้างความร้อนผ่านการเผาหรือแบคทีเรียที่ย่อยสลายสารอินทรีย์ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะขับเคลื่อนกังหันไอน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ตัวเลือกนี้ยังสามารถช่วยลดการมีอยู่ของหลุมฝังกลบ ก่อนหน้านี้ บริษัท Crypto 4New ประกาศว่าพวกเขาจะติดตั้งโรงงานพลังงานขยะที่จะเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานของพวกเขา