Mastercard ร่วมมือกับบริษัทคริปโตชั้นนำในเอเชีย รวมถึง Bitkub เพื่อเปิดตัวบัตรคริปโต
ความร่วมมือล่าสุดระหว่าง Mastercard และ Bitkub จะช่วยให้คนไทยสามารถใช้จ่ายเป็นคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินปกติได้
ความร่วมมือล่าสุดระหว่าง Mastercard และ Bitkub จะช่วยให้คนไทยสามารถใช้จ่ายเป็นคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินปกติได้
- Mastercard ได้เปิดตัวบัตรชำระเงินคริปโตซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลของตนให้เป็นสกุลเงินปกติได้ทันที
- บริษัทต้องการขจัดอุปสรรคระหว่างร้านค้าที่ไม่ยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลและลูกค้าที่ต้องการชำระเงินในสกุลเงินดิจิทัล
- ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินร่วมมือกับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Amber Group, Bitkub และ CoinJar เพื่ออำนวยความสะดวกบริการนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Mastercard ยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้านการชำระเงินได้เปิดตัวบัตรชำระเงินสกุลเงินดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเป็นสกุลเงินปกติได้ทันที
บริษัทพยายามที่จะขจัดอุปสรรคระหว่างร้านค้าที่ไม่ยอมรับการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล และลูกค้าที่ต้องการชำระเงินในสกุลเงินดิจิทัลนั่นเอง
ความร่วมมือในครั้งนี้ Mastercard ได้เป็นพันธมิตรกับ Amber Group ของฮ่องกง, Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของประเทศไทย และ CoinJar ของออสเตรเลีย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคและธุรกิจในภูมิภาคสามารถสมัครบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรเติมเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีได้ และสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ที่รับบัตร Mastercard
นอกจากนี้บริษัททั้งสามจะเข้าร่วมโครงการ Crypto Card ของ Mastercard เพื่อเป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกในเอเชียแปซิฟิก โปรแกรมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การทำธุรกรรมคริปโตเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
โครงการ Crypto Card เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ Mastercard ในด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อช่วยให้ลูกค้า ร้านค้า และธุรกิจต่าง ๆ มีทางเลือกมากขึ้นในการเคลื่อนย้ายสกุลเงินดิจิทัล ตลอดจนการเร่งการเติบโตและการดำเนินการในการชำระเงินด้วย
ความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเอเชียแปซิฟิก จากแถลงการณ์ของ Mastercard เผยว่า จากดัชนี Mastercard New Payments พบว่าพฤติกรรมการชำระเงินของผู้บริโภค 45% ในภูมิภาคนี้กำลังพิจารณาใช้สกุลเงินดิจิทัลภายในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 40%
สกุลเงินดิจิทัลมีการเติบโตอย่างน่าทึ่งในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งขึ้นถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรทั้งหมด
Mastercard เป็นหนึ่งในบริษัทแนวหน้าที่ให้การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้อัปเกรดบัตรคริปโต เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้เหรียญ stablecoins ในการซื้อสินค้าได้ และต่อมาในเดือนตุลาคม บริษัทได้ร่วมมือกับ Bakkt แพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อขาย และถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกระเป๋าเงินรับฝากทรัพย์สินอีกด้วย
Mastercard ยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือธนาคารกลางในการกำหนด และพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง ซึ่งเป็นโทเค็นดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี แต่ไม่มีการกระจายอำนาจ
Rama Sridhar รองประธานบริหารของ Master card ซึ่งรับผิดชอบด้านความร่วมมือทางดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิก กล่าวในแถลงการณ์ว่า
“ความร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้ยึดมั่นในหลักการเดียวกันกับที่ Mastercard มีมาตลอดคือ สกุลเงินดิจิทัลจะต้องมีเสถียรภาพ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งทาง Mastercard กำลังขยายความเป็นไปได้นี้ เพื่อให้ผู้คนมีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากยิ่งขึ้น ”
“In collaboration with these partners that adhere to the same core principles that Mastercard does—that any digital currency must offer stability, regulatory compliance and consumer protection—Mastercard is expanding what’s possible with cryptocurrencies to give people even greater choice and flexibility in how they pay,”
นอกจากนี้ ผู้บริหารยังกล่าวอีกว่า “คริปโตเคอเรนซีมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้คน การลงทุน เทคโนโลยี disruption หรือแม้แต่เครื่องมือทางการเงินที่ไม่เหมือนใคร เมื่อความสนใจและความสนใจเพิ่มขึ้นจากทุกภาคส่วน การใช้งานในโลกแห่งความเป็นจริงจึงเกิดขึ้นมากกว่าการเก็งกำไร”
“Cryptocurrencies are many things to people—an investment, a disruptive technology, or a unique financial tool. As interest and attention surges from all quarters, their real-world applications are now emerging beyond the speculative,”
นอกเหนือจากการแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินปกติแล้ว ทาง Mastercard ยังร่วมมือกับ Gemini เพื่อเสนอบัตร reward แบบสะสมแต้มคริปโตอีกด้วย
Mastercard มุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรม และประสบการณ์ของบริษัทไปใช้กับสกุลเงินดิจิทัลและคู่ค้าสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงการสร้างระบบนิเวศทั่วโลก เพื่อปรับปรุงการชำระเงินให้ทันสมัย และเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรมของผู้คนและธุรกิจ
แม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านค้าและธุรกิจหลายแห่งที่รับชำระเงินเป็นคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้นอย่างมาก แต่ก็ยังเป็นเพียงสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินแบบดั้งเดิม ความมุ่งมั่นในการดำเนินของ Mastercard ในครั้งนี้ ในฐานะที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของประเทศ อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีของผู้คน รวมถึงพฤติกรรมการชำระเงินในโลกอนาคตได้