แพลตฟอร์มคริปโต FTX ระดมทุน $420 ล้านใน Series B-1 ทำให้การประเมินมูลค่าบริษัทมากกว่า $2.5 หมื่นล้าน

FTX Trading Limited แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังประกาศว่า บริษัทได้ระดมทุน Series B-1 มากกว่า 420 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การประเมินมูลค่าบริษัทตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาห์เลยทีเดียว

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา FTX แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต เปิดเผยว่าได้ระดมทุนในรอบการจัดหาเงินทุน Series B-1 ซึ่งบริษัทระดมทุนได้ถึง 420 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุน 69 ราย

FTX ระดุมทุนได้มากถึง 420 ล้านดอลลาห์

จากประกาศของ FTX ระบุว่า ผู้เข้าร่วมการจัดหาเงินทุนครั้งล่าสุดได้แก่ คณะกรรมการแผนบำเหน็จบำนาญครูในออนแทรีโอ ผ่านทาง Temasek แพลตฟอร์มนวัตกรรมของครู, Sequoia Capital, Sea Capital, IVP, ICONIQ Growth, Tiger Global, Ribbit Capital และ Lightspeed Venture Partners 

นอกจากนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเพิ่มทุน 900 ดอลลาร์ ซึ่งทาง FTX กล่าวว่า Temasak เข้าร่วมในรอบ Series B ดั้งเดิมและผลักดันการระดมทุนได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ด้วยเงินทุนทั้งหมดที่ระดมทุนโดยนักลงทุนจนถึงปัจจุบัน การประเมินมูลค่าโดยรวมของ FTX อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX กล่าวว่า “เราก่อตั้ง FTX เมื่อสองปีที่แล้วด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างตลาดการเงินที่ดีขึ้น” “วันนี้ เรามุ่งเน้นไปที่การสร้าง FTX ให้เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนที่น่าเชื่อถือและเป็นนวัตกรรมใหม่ โดยมีส่วนร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ และแสวงหาโอกาสในการปรับปรุงข้อเสนอของเรา สำหรับนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล”

“Today we are focused on establishing FTX as a trustworthy and innovative exchange by regularly engaging with regulators around the world, and constantly seeking opportunities to enhance our offerings for digital asset investors,” 

ในวันเดียวกันกับการประกาศเพิ่มทุน Bankman-Fried ยังได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกับ Autograph บริษัท NFT ที่ร่วมก่อตั้งโดย Tom Brady แชมป์ Super Bowl อีกด้วย

แพลตฟอร์มเติบโตขึ้นอย่างมาก

FTX กล่าวว่า นับตั้งแต่การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม ฐานผู้ใช้ของบริษัทเติบโตขึ้นกว่า 48% และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 75% แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนยังระบุอีกว่า มีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซีเฉลี่ยประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน

นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดเผยว่าเพิ่งได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ในบาฮามาสอีกด้วย ซึ่ง FTX ได้รับใบอนุญาตในเกาะดังกล่าว และปฎิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลในบาฮามาสและยิบรอลตาร์

Ramnik Arora หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ FTX กล่าวในแถลงการณ์ว่า

 “การเพิ่มทุนและกลุ่มนักลงทุนจะช่วยให้เรามอบประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานของเราสมควรได้รับ และจัดการกับโอกาสทางการตลาดอื่นๆ รวมถึงหุ้น ตลาดฟิวเจอร์ส ตลาด NFT และพันธมิตรวิดีโอเกม เราคาดว่าจะทำการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อขยายธุรกิจและขยายขอบเขตการกำกับดูแลของเรา”

“The additional capital and group of investors will let us provide the experience our users deserve and address other adjacent market opportunities including equities, prediction markets, NFTs, and videogame partnerships. We expect to make strategic investments designed to grow the business and expand our regulatory coverage.”

FTX ยังคงขยายธุรกิจต่อไป

FTX ยังมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และได้เปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย non-fungible tokens (NFT) ไปก่อนหน้านี้ บริษัทแลกเปลี่ยนได้ประกาศความร่วมมือกับ Solana ผู้พัฒนาบล็อกเชน เพื่อเปิดตัวตลาดซื้อขาย NFT บนบล็อกเชน Solana พร้อมคุณสมบัติทางด้านค่าลิขสิทธิ์ นอกจากนี้บริษัทยังได้ซื้อ LedgerX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฟิวเจอร์ส ด้วยจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผย

Bankman-Fried ยังเปิดเผยว่า การเพิ่มทุนใหม่จะทำให้ FTX สามารถเข้าซื้อกิจการบริษัทได้มากขึ้นในระยะสั้น เขากล่าวว่าการเข้าซื้อกิจการใหม่จะช่วยให้ FTX ขยายชุดผลิตภัณฑ์ได้เร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเสนอ perpetual swaps ให้แก่เทรดเดอร์คริปโตที่อยู่ในสหรัฐฯ

ข้อตกลงดังกล่าวอาจมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ FTX กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ซึ่งรวมถึง กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ETF ของ FTX 

Bankman-Fried อธิบายรายละเอียดเล็กน้อยว่า “ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสปอต ETF หรือกองทุนฟิวเจอร์ส ETF เรายินดีที่จะพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับพันธมิตรอย่าง BlackRock”

“Whether it is a spot or futures-based ETF, we’d be willing to talk about structured products with partners like BlackRock.”

ยังไม่รอดจากปัญหาด้านกฎระเบียบ

แม้ว่าบริษัทจะพยายามให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่รอดจากการปัญหาทางด้านกฎระเบียบต่าง ๆ เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มคริปโตอื่น ๆ ล่าสุดบริษัทได้ย้ายสำนักงานใหญ่จากฮ่องกงไปบาฮามาส เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจในนิวยอร์ก ซึ่ง FTX ได้รับใบอนุญาตในเกาะบาฮามาสแล้ว และจะปฎิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลในบาฮามาสและยิบรอลตาร์เป็นอย่างดี