Blockchain

ประธาน Fed ผลักดันใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจากโปรเจค Blockchain

103162991 Hi048822049.jpg

นาย Jerome Powell ผลักดันให้ใช้เรตอัตราดอกเบี้ยของโปรเจค Blockchain ที่เรียกว่า AMERIBOR แทนเรต LIBOR

สถาบันการเงินภาครัฐในสหรัฐอเมริกามีสภาวะที่ตึงเครียดหลังประธาน Federal Reserve (Fed) ของสหรัฐอเมริกานาย Jerome Powell ได้เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้เรตอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Reference Rate) ของ LIBOR แล้วใช้เรตอัตราดอกเบี้ยที่ซัพพอร์ตด้วยระบบ Ethereum Blockchain ที่เรียกว่า AMERIBOR แทน

เรียกร้องให้เลิกใช้เรต LIBOR

อัตราดอกเบี้ยด้านการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารในสหรัฐฯ แบบไม่มีหลักประกันระหว่างธนาคารชั้นนำในลอนดอนหรือที่เรียกว่า LIBOR (London Interbank Offered Rate) นั้นมีบทบาทสำคัญมากในโลกการเงิน มันถูกใช้เป็นเกณฑ์หลักสำหรับการคำนวณอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงินที่บริษัทใหญ่ๆต้องจ่ายรวมถึงใช้เป็นเกณฑ์คำนวณอัตราดอกเบี้ยที่ผู้บริโภคจะต้องจ่ายเป็นค่ากู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาหรือการจำนอง

อย่างไรก็ตามมันมีช่วงหนึ่งที่มีรายงานออกมาว่ามีธนาคารที่ใช้เรต LIBOR ผิดๆเพื่อควบคุมตลาดและเพิ่มผลกำไรให้กับตนเองหลายแห่งจนกลายเป็นข่าวฉาวถึงขนาดถูกเรียกว่าเป็น "LIBOR scandal" หลังจากนั้นธนาคารกลางของหลายประเทศซึ่งรวมถึง Fed ก็พยายามหาเรตดอกเบี้ยอื่นมาอ้างอิงแทน

Fed ใช้เรตของ Secured Overnight Financing Rate (SOFR) เป็นอีกเรตทางเลือกของ Alternative Reference Rates Committee’s (ARRC) ซึ่งนาย Powell ก็ได้เรียกร้องให้ใช้เรตอื่นนอกจาก SOFR เช่น เรตของ AMERIBOR

โปรเจค Ethereum เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอะไร?

เรต AMERIBOR  คือเรตของอัตราดอกเบี้ยที่คำนวณจากสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันข้ามคืนที่ทำธุรกรรมกับ American Financial Exchange (AFX) โดยเรต Ameribor นี้ได้นำ Blockchain มาใช้งานในการช่วยคำนวณอัตราดอกเบี้ยซึ่งซีอีโอของ AFX ก็ได้กล่าวว่านี่เป็นโปรเจ็ค Blockchain โปรเจคแรกของบริษัทเลย

"เราได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่และน่าสนใจและเราเชื่อว่า Blockchain มีความสามารถในการปฏิรูประบบการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์และตลาดการเงิน AFX ยังยืนหยัดที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี"

นาย Richard Sandor ซีอีโอของ AFX กล่าว

นอกจากนี้ AFX ยังวางแผนที่จะสร้างโทเค็นแบบ non-fungible (โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้) เพื่อเอามาใช้กับการทำธุรกรรมระหว่างคู่สัญญา โดยจะใช้โทเค็น ERC-721 ของ Ethereum และจะมีการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมและข้อมูลของอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น โทเค็นจะถูกสร้างขึ้นจาก AFX Blockchain โดยอัตโนมัติ หลังทำธุรกรรมเสร็จสิ้นจะมีการชำระเงินโดยใช้ Smart Contract (ภาษา Parity)

AFX Blockchain จะใช้ระบบ proof-of-authority ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะเป็นผู้มีอำนาจควบคุม Blockchain นี้แต่เพียงผู้เดียว

เทคโนโลยี Blockchain เด่นเรื่องความโปร่งใส การที่ประธาน Fed ออกมาประกาศผลักดันให้ใช้เรตอัตราดอกเบี้ยที่อ้างอิงจากโปรเจคที่ใช้ Blockchain สามารถมองได้ว่าฝ่ายภาครัฐก็ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีนี้

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันตลาดคริปโต กำลังขาดเงินทุน สำหรับการทำขาขึ้นรอบต่อไป
นักวิเคราะห์ดัง เตือน! ตลาดคริปโตอาจ ‘ปรับฐาน’ ในไตรมาสที่ 2
พบ ‘วาฬดึกดำบรรพ์’ เริ่มเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก ในรอบ 10 ปี
เปิดบทวิเคราะห์ Cardano ! ส่วนหาแนวรับ/แนวต้านสำคัญ