Exchange

Crypto Exchange กว่าครึ่งอาจจะกำลังเอื้อประโยชน์ให้แก่การฟอกเงิน

Photo 1585236873923 0c593203c248.jpg

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจใคร! รู้หรือไม่ว่าบริการการแลกเปลี่ยนคริปโตทั้งหลายอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่เราคาดคิด เพราะมากกว่าครึ่งหนึ่งของมันมีการตรวจสอบ ID ที่หละหลวม ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางเจ้ายังไม่มีการตรวจสอบเสียด้วยซ้ำ...

จากการศึกษาใหม่ของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านบล็อกเชนอย่าง CipherTrace ได้ออกมาประกาศถึงความหละหลวมที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรม Crypto โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของ Cryptocurrency Exchange หรือผู้ให้บริการการแลกเปลี่ยนคริปโตจากทั้งหมดในทั่วทุกมุมโลกมีโปรโตคอลการระบุ KYC (Know-Your-Customer)ที่อ่อนแอมาก ซึ่งบริการการแลกเปลี่ยนในยุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้เลวร้ายที่สุด

ประเทศมหาอำนาจกลับมีจุดอ่อนที่ร้ายแรง

CipherTrace ได้วิเคราะห์การแลกเปลี่ยนทั้งแบบกระจายอำนาจ (Decentralized), แบบระบบศูนย์กลาง (Centralized) และแบบอัตโนมัติ (Automated Market Maker) มากกว่า 800 รายการ ซึ่งทำให้พวกเขาพบว่ากว่า 56% ของผู้ให้บริการทั้งหมดไม่ปฏิบัติตามแนวทางของ KYC เลยแม้จะมีกฎระเบียบว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering - AML) ซึ่งจำนวนผู้ให้บริการการแลกเปลี่ยนที่ขัดต่อบรรทัดฐานของกฎระเบียบพบได้มากที่สุดู่ในทวีปยุโรป ที่ถือเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือนในยุโรปมีแนวทางปฏิบัติ KYC ที่บกพร่อง

สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และรัสเซียถือเป็นสามประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนทีมี KYC ที่อ่อนแอที่สุด โดยสิงคโปร์เองก็ตามมาเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเช่นเดียวกัน

การศึกษายังพบอีกว่าการแลกเปลี่ยนจำนวนมากไม่ได้บังคับให้ระบุถึงภูมิภาคต้นทางผู้สมัครใช้บริการในเว็บไซต์หรือแม้ข้อกำหนด และเงื่อนไขก็ไม่ได้เขียนถึงประเด็นนี้เอาไว้ ซึ่งสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นไปโดยเจตนา และนี่หมายความได้ว่าบริการด้านการแลกเปลี่ยนบางแห่งกำลังหลบหลีกจากเขตอำนาจรัฐ หรือการใช้อำนาจของรัฐที่มีผลต่อบุคคลนั่นเอง และนี่ถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สำหรับนักฟอกเงินที่มีศักยภาพ

ความเสี่ยงที่แท้จริงของ DeFi

แม้โครงการ DeFi นั้นนำเสนอกิจกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิม เช่นการให้กู้ยืม และการรับดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่าการดำเนินงานอาจอยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลเช่นเดียวกับธนาคาร และสถาบันการเงินที่มีการควบคุมอื่น ๆ ก็ตาม แต่ทว่าเหล่าผู้ให้บริการกลับไม่ถูกใจมันเอาเสียเลย

Dave Jevans ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CipherTrace กล่าวว่าเขาไม่เชื่อว่าโปรโตคอล DeFi จะยอมรับข้อบังคับได้ง่าย ๆ

“จากสิ่งที่เราประสบในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาคือพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ KYC”

การศึกษายังตรวจสอบ Decentralized Cryptocurrency Exchange (DEXs) กว่า 21 แห่ง และพบว่ามีจำนวนถึง 81% ที่มีมาตรการ KYC ที่ย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม DEX เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่สำหรับการฟอกเงินเสมอไป โดยทาง CipherTrace ได้ตั้งข้อสังเกตว่าแม้ว่าการแฮ็ค KuCoin มูลค่า 7.9 ล้านดอลลาร์จะถูกขายใน Uniswap การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ แต่ก็ทว่าการฟอกเงินไม่ได้เกิดขึ้นที่นั่น

Tom Robinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Elliptic ได้กล่าวเอาไว้ว่า

“แฮ็กเกอร์ไม่ได้ใช้ DEX เพื่อซ่อนแทร็กของพวกเขา แต่ทว่าที่จริงแล้วพวกเขากำลังดำเนินการเพื่อให้สามารถขายโทเค็นที่ขโมยมาได้”
ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปิดลิสต์ '5 เหรียญ' ที่ค่า RSI เข้าใกล้พื้นที่ 'Overbought' ประจำสัปดาห์
ล่าสุดถึงแม้ Do Kwon ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงกลางเดือน มีนาคม ปี 2567
Kevin Svenson เชื่อ! Bitcoin จะพุ่งทะยานถึง 90,000 ดอลล์ ได้ในขาขึ้นครั้งหน้า!