Matador Technologies วางเป้าสะสม 6,000 Bitcoin ภายในปี 2027 หวังติดท็อป 20 บริษัทผู้ถือครองรายใหญ่ของโลก
Matador Technologies บริษัทด้านเทคโนโลยีจากแคนาดา วางเป้าสะสม 6,000 Bitcoin ภายในปี 2027 ผ่านแผนระดมทุนมูลค่า 656 ล้านดอลลาร์ เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก
Matador Technologies บริษัทด้านเทคโนโลยีจากแคนาดา วางเป้าสะสม 6,000 Bitcoin ภายในปี 2027 ผ่านแผนระดมทุนมูลค่า 656 ล้านดอลลาร์ เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก
Matador Technologies บริษัทด้านเทคโนโลยี Bitcoin จากแคนาดา ประกาศแผนสะสม Bitcoin จำนวน 6,000 เหรียญภายในปี 2027 คิดเป็น 1% ของอุปทานทั้งหมด โดยจะระดมทุนรวม 656 ล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันกลยุทธ์นี้ หวังขึ้นแท่นหนึ่งใน 20 บริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก
Matador Technologies ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของแคนาดา เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า บริษัทมีเป้าหมายสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง โดยในระยะสั้นจะตั้งเป้าถือครอง 1,000 BTC ภายในปี 2026 ก่อนจะขยายการถือครองไปสู่ 6,000 BTC ในปีถัดไป
ปัจจุบัน Matador ถือครอง Bitcoin อยู่เพียง 77.4 BTC หรือประมาณ 9 ล้านดอลลาร์ตามราคาตลาดในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายระยะยาวที่จะถือ Bitcoin ให้ได้ 1% ของอุปทานรวมทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทติดอันดับหนึ่งใน 20 บริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในระดับโลก
Deven Soni CEO ของ Matador Technologies ระบุว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลักของบริษัทในปัจจุบัน พร้อมเสริมว่าแผนกลยุทธ์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจัดการบริหารคลังสินทรัพย์ของบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของ Bitcoin ด้วย
เปิดตัวแผนระดมทุน 656 ล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา Matador ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุมัติการเสนอขายหลักทรัพย์ล่วงหน้าแบบ Shelf Filing เพื่อให้บริษัทสามารถระดมทุนได้อย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลา 25 เดือนข้างหน้า โดยแผนการระดมทุนครั้งนี้ครอบคลุมหลากหลายช่องทาง เช่น การเสนอขายหุ้นแบบ At-The-Market การออกหุ้นกู้แปลงสภาพ การขายสินทรัพย์บางส่วน การใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันเพื่อเข้าถึงสินเชื่อ และการเข้าซื้อกิจการหรือจับมือกับพันธมิตร
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากตลาดหลักทรัพย์ TSX Venture Exchange ของแคนาดา ให้เปลี่ยนสถานะธุรกิจจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วไปเป็น “เทคโนโลยี/การลงทุนแบบไฮบริด” ซึ่งปูทางให้สามารถดำเนินกลยุทธ์การเก็บสะสม Bitcoin ได้อย่างเต็มรูปแบบ
กลยุทธ์ “Compounding Flywheel” เพื่อสะสมมูลค่าระยะยาว
Matador ยังเปิดเผยด้วยว่าบริษัทมีกลยุทธ์แบบ “Compounding Flywheel” ที่ขับเคลื่อนด้วย Bitcoin โดยประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- สะสม Bitcoin อย่างจริงจัง พร้อมเพิ่มมูลค่า Bitcoin ต่อหุ้น (BTC/share)
- สร้างผลตอบแทนจากการถือครอง ด้วยกลยุทธ์การจัดการความผันผวน
- พัฒนาแอปพลิเคชันในโลกจริงที่สร้างรายได้เป็น Bitcoin
- สนับสนุนระบบนิเวศผ่านความร่วมมือกับโครงสร้างพื้นฐานคริปโตและโครงการ DeFi
Mark Moss ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Visionary Officer ของบริษัท ระบุว่า การถือครอง Bitcoin เป็นการวางรากฐานทางการเงินระยะยาวของบริษัท พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากเงินภาวะเฟ้อ
แม้จะมีแผนการที่ชัดเจน แต่ราคาหุ้นของ Matador กลับปรับตัวลดลง 4.65% ในวันพุธที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก Google Finance อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทยังคงปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 37% ตั้งแต่ต้นปี 2025
บริษัทเอกชนแห่ถือ Bitcoin สะสมเกือบ 6% ของอุปทานทั้งหมด
แนวโน้มบริษัทลงทุนใน Bitcoin ยังคงร้อนแรงในปีนี้ โดยหลายบริษัทหวังเดินตามรอยกลยุทธ์ของ Michael Saylor แห่ง MicroStrategy ซึ่งปัจจุบันถือครอง Bitcoin มูลค่าสูงถึง 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก BitcoinTreasuries.NET ระบุว่า ภาคธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกถือครอง Bitcoin รวมกันราว 1.15 ล้าน BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.36 แสนล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 6% ของอุปทานที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว
