ข่าวธุรกิจ

Crypto.com และ FTX บุกตลาดต่างประเทศเพิ่มแล้ว

Cryptocomftx.png

แม้ว่าบริษัทคริปโตรายใหญ่เจ้าอื่นจะพากันปลดพนักงานออก แต่ทว่า Crypto.com และ FTX กลับกำลังเตรียมขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดในต่างแดนเร็ว ๆ นี้

หลังจากในปีที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มเติบโตเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล ส่งผลให้องค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดดังกล่าวก็ได้รับผลพลอยได้ทำให้กิจการเติบโต และรุดหน้าไปอย่างมาก จึงทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มตัดสินใจที่จะขยายกิจการออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุด ทาง Crypto.com และ FTX ก็ได้เริ่มออกโรงบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลังแล้วเช่นเดียวกัน

Crypto.com บุกตลาดดูไบหลังใกล้ได้รับใบอนุญาต

Vbdjv8 8ibc 1024x683.jpg

หนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดเตรียมขยายกิจการเข้าสู่ตลาดในประเทศดูไบอย่างเป็นทางการ หลังออกแถลงกาณ์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ระบุว่าองค์กร Virtual Assets Regulatory Authority (VARA) ได้อนุมัติใบอนุญาตการประกอบกิจการตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เสมือนให้แก่ Crypto.com เพื่อให้สามารถตรวจสอบตามระเบียบปฏิบัติการในขั้นตอนต่อไปได้

ทั้งนี้ทางด้าน VARA จะรับหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบสถานะ และข้อกำหนดในด้านต่าง ๆ แก่ Crypto.com ก่อนจะดำเนินการออกใบอนุญาตอย่างเต็มรูปแบบให้กับทางบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้ได้นั่นเอง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ดูไบได้ให้การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยทางด้าน Dr. Thani Al Zeyoudi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สินทรัพย์ประเภทคริปโตเคอร์เรนซี, สินทรัพย์เสมือน และ Blockchain จะสามารถนำมาใช้ปฏิวัติอุตสาหกรรมการเงินได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังจะช่วยดึงดูดให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้น จนสามารถช่วยพัฒนาให้ประเทศมีอนาคตที่สดใสได้อีกด้วย

ทำไมต้องเป็นดูไบ?

ในขณะเดียวกัน ทางด้านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนชื่อดังรายนี้ก็ได้เคยออกมาประกาศในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่าองค์กรกำลังเตรียมดำเนินการสร้างสำนักงานขึ้นในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในเร็ว ๆ นี้ หลังได้รับข่าวดีว่ารัฐบาลได้มีการออกกฎหมายใหม่รองรับคริปโตเคอร์เรนซีให้มากขึ้น พร้อมทั้งยังตั้งเป้าที่จะทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของตลาดคริปโตทั่วโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ข้อกฎหมายฉบับใหม่จึงสามารถซื้อใจตลาด Exchange รายยักษ์ให้ขยายกิจการเข้ามาที่ประเทศนี้ได้อย่างไม่ยากนั่นเอง

FTX เดินหน้าบุกตลาดญี่ปุ่น

Laymbsj3yoe 1024x664.jpg

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมานี้ คณะกรรมการแห่ง Financial Services Agency (FSA) ได้ออกกฎหมายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มงวด จนสร้างอุปสรรคครั้งใหญ่ให้กับผู้ประกอบกิจการคริปโตภายในประเทศจำนวนมาก แต่ทว่า อีกหนึ่งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายใหญ่ระดับโลกอย่าง FTX ที่เพิ่งแซงอันดับแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Coinbase มาได้หมาด ๆ กลับสามารถเปิดตัว FTX Japan ตัวใหม่เพื่อให้บริการลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย หลังจากทางองค์กรตัดสินใจเข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนในแดนปลาดิบอย่าง Liqiud ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดย Sam Bankman Fried ซีอีโอแห่ง FTX เองก็ได้ออกมายอมรับว่าตลาดคริปโตในแดนปลาดิบนั้นมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดอย่างมาก แต่ทว่าขนาดของตลาดนั้นกลับมีมูลค่าสูงเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันนั้นทะยานขึ้นไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Crypto.com และ FTX โตขึ้นสวนทางกับบริษัทคริปโตรายอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของ 2 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายใหญ่นั้นกลับสวนทางกับบริษัทรายใหญ่เจ้าอื่น ๆ ในตลาดอย่างสิ้นเชิง หลังหลายองค์กรต้องประสบกับสภาวะตลาดหมีจนทำให้มีมติลดพนักงานลงอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่าล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Gemini เองก็ได้วางแผนที่จะลดพนังงานลง 10% หลังจากสถานการณ์ในตลาดยังคงไม่ดีขึ้น รวมไปถึง Coinbase เองก็ยังได้ออกมาประกาศชะลอการว่าจ้างพนักงานใหม่ลงเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตในช่วงนี้ไปได้ นอกจากนี้ทาง Robinhood เองก็ได้มีการไล่พนักงานในบริษัทกว่า 9% ออกในทันที หลังจากตลาดเริ่มเข้าสู่ขาลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเดือนเมษายน เช่นเดียวกัน

คงต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่า สถานการณ์ต่าง ๆ ในตลาดคริปโตจะสามารถกลับคืนมาสู่สภาพเดิมได้หรือไม่ และจะมีบริษัทรายใหญ่เจ้าใดอีกที่เริ่มปลดพนักงานเพิ่มเพราะได้รับผลกระทบจากตลาดหมีที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน หรือ จะมีบริษัทใดอีกที่สามารถเติบโตสวนกระแสเฉกเช่นเดียวกับ Crypto.com และ FTX ได้อีก แน่นอนว่า CryptoSiam จะนำข่าวสารใหม่ ๆ มาอัปเดตให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามรับชมเพิ่มเติมอย่างแน่นอน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่พร้อมรับข่าวร้าย! นักเทรดคริปโตถูกล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ครั้งแรก! Bitcoin-Ethereum ETF จาก Hashdex และ Franklin Templeton ได้รับอนุมัติพร้อมกัน
Quantum BioPharma ทุ่ม $1 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin และคริปโต หวังกระจายความเสี่ยงป้องกันเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์เผย! Ethereum อาจร่วงแตะ 3,000 ดอลลาร์ หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป