Blockchain

WEF วางแผนติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย Blockchain

Photo 1580064461598 505b080a8242.jpg

สภาเศรษฐกิจโลกเปิดตัวการทดสอบการใช้งานโปรแกรมติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของห่วงโซ่อุปทานโดยใช้ Blockchain เพื่อการสร้างสังคมที่ดีผ่านการทำธุรกิจและค้นคว้าถึงความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน

โครงการควบคุมดูแลอุตสาหกรรมเหมืองแร่ด้วยบล็อกเชน หรือ Mining and Metals Blockchain ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : WEF) ได้เปิดตัวการทดสอบการใช้งานจริงผ่านโครงการการติดตามการปล่อยมลพิษทั่วทั้งห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) โดยใช้ Distributed Ledger Technology (DLT) เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อความเป็นไปได้ของโครงการ

การเร่งให้เกิดความชัดเจนในห่วงโซ่อุปทาน

WEFได้ทำการร่วมมือกับบริษัทระดับโลกทั้ง 7 แห่งในการทดลองโครงการดังกล่าว โดยทางสภาเศรษฐกิจโลกนั้นมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมแนวทางการแก้ปัญหาภายในอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนด ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งเป็นแนวคิดของการสร้างสังคมที่ดีผ่านการทำธุรกิจ และพวกเขายังตั้งใจจะสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย

ตามการแถลงการณ์ระบุ

“ความสำเร็จในการทดสอบโครงการริเริ่มที่มีชื่อว่า Carbon Tracing Platform หรือ COTจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยตรวจสอบแหล่งที่มาของการปล่อยมลพิษจากการขุดเจาะของผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนสุดท้าย โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบกระบวนการการผลิตแบบ End-To-End ซึ่งแพลตฟอร์ม COT จะใช้เทคโนโลยี ระบบ Distributed Ledger Technology (DLT) ในการติดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO₂)”

แนวคิดของโครงการ COT ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2019 หลังจากสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งโครงการอย่าง Tata Steel, Anglo American และ Eurasian Resources Group ได้ร่วมมือกันในการออกแบบ และค้นหาแนวทางที่จำเป็นต่อการดำเนินงานด้วย Blockchain เพื่อช่วยเร่งการดำเนินการตามหาแหล่งที่มาของการขุดเจาะ

การจัดการกับความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน

สภาเศรษฐกิจโลกออกมายอมรับว่าโครงการ Blockchain ไม่ได้เป็นแค่เพียงตัวทดสอบความเป็นไปได้ของแนวทางการแก้ปัญหาการดำเนินงานทางด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นการค้นคว้าถึงความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย เหตุนี้เองการทดสอบโครงการริเริ่มข้างต้นจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตอบสนองต่อความต้องการของเหล่านักลงทุนในการสร้างความรับผิดชอบ และความชัดเจนให้แก่การนำแร่ต่าง ๆ เข้ามาสู่ตลาด หรือที่เรียกว่า “Mine To Market”

Jörgen Sandströmหัวหน้าฝ่าย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ระบุว่า

“ความต้องการโลหะ และแร่ธาตุต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ความต้องการให้ห่วงโซ่อุปทานมีความยั่งยืน, มีความรับผิดชอบ และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้มีเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน”

เขากล่าวเสริม

“มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับการสร้างความชัดเจนที่ปลายทางการผลิต และด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล ที่ทำงานร่วมกับเราเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการ ESG Standards, ปฏิบัติตามแผนความยั่งยืนที่ได้รับการรับรอง และขอบเขตการประกันอย่างเคร่งครัด”

WEF ดูท่าจะถูกใจ Blockchain เป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม ทางสภาเศรษฐกิจโลกเปิดตัวมาตรการ Blockchain ในชื่อ Global Standards Mapping Initiative (GSMI) ที่รวบรวมศาลกว่า 185 แห่ง, หน่วยงานกำหนดมาตรการทางเทคนิค 30 แห่ง และกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เกือบ 400 แห่งเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเป้าหมายในการเป็นทรัพยากรเพื่อผลักดันภาคอุตสาหกรรม Blockchain ให้ก้าวไปข้างหน้า

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

นักวิเคราะห์ดัง เผย! Cardano มีแนวโน้มขึ้นไปทำ All Time High ใหม่ได้!
พบ 'วาฬ' Arbitrum เริ่มโยกเหรียญกว่า 34 ล้านโทเค็น เข้าสู่กระดานเทรด
Nayib Bukele ประกาศโยก Bitcoin ทั้งหมดของประเทศเข้า 'Cold Wallet'