นักวิเคราะห์ Bank of America ชี้ "BTC ไม่เหมาะใช้ป้องกันเงินเฟ้อ"
นักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่า Bitcoin ยังผันผวนอยู่มากและไม่เหมาะที่จะนำมาป้องกันเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่า Bitcoin ยังผันผวนอยู่มากและไม่เหมาะที่จะนำมาป้องกันเงินเฟ้อ
ในขณะที่ธนาคาร Deutsche Bank มองว่าในขณะนี้พวกเราไม่ควรที่จะนิ่งเฉยต่อตลาด Bitcoin แต่ทางนักวิเคราะห์จาก Bank of America กลับยังไม่ได้เชื่อมั่นในตัว Bitcoin ขนาดนั้น
“Bitcoin ยังเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อไม่ได้”
คุณ Francisco Blanch นักวิเคราะห์ของ Bank of America ได้กล่าวถึง Bitcoin โดยใช้เกณฑ์ต่างๆเพื่อโต้แย้งว่า Bitcoin นั้นยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความผันผวนและการใช้งานได้จริงของ Bitcoin
อุปทานของ Bitcoin ถูกจำกัด ไว้ที่ 21 ล้านเหรียญซึ่งช่วยให้ Bitcoin ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณและนโยบายการเงินอื่น ๆ ที่ทำให้ปริมาณเงินสูงเกินจริงและลดค่าเงิน Fiat แต่คุณ Blanch ก็ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาป้องกันอัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสมได้ เขากล่าวว่า:
“หากพูดกว้าง ๆ เราพบว่า Bitcoin ไม่ได้เป็นสิ่งที่ควรนำมาใช้เพื่อการป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ สินค้าโภคภัณฑ์หรือตราสารทุนยังเป็นตัวเลือกดีกว่าหากจะนำมาใช้กับอัตราเงินเฟ้อ”
Bitcoin ยังคงผันผวนอยู่มาก
นักวิเคราะห์ของ Bank of America มองว่าข้อโต้แย้งหลักในการมี BTC ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนคือ “การกระจายความเสี่ยง, ความผันผวนที่ลดลงหรือการป้องกันเงินเฟ้อ แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นเพราะมูลค่าของ Bitcoin มากกว่าที่มันขึ้นอยู่กับอุปสงค์ (Demand) ที่มากกว่าอุปทาน (Supply) ล้วน ๆ
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว Bitcoin ยังไม่ได้ถูกทดสอบว่ามันสามารถเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงได้ แม้ว่าจะมีเงินลงทุนจาก Tesla, Microstrategy, Square และบริษัทอื่น ๆ ซึ่งมันก็คือเป็นทางเลือกการลงทุนของนักลงทุนเหล่านั้น
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ของ Bank of America ยังพูดถึงประเด็นของความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมของ Bitcoin ที่ทำได้แค่ 1,400 ธุรกรรมต่อชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ Visa นั้นประมวลผลได้ที่ 236 ล้านธุรกรรม
ในเรื่องของการถือครอง Bitcoin เช่นกัน ในสัดส่วนของ 95% ของ Bitcoin ที่หมุนเวียนในตลาด มีวอลเล็ทอยู่ประมาณ 2.5% ที่ถือครอง Bitcoin จำนวนนั้น ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงทำให้มันไม่สามารถมาเป็นกลไกในการชำระเงินที่นำไปใช้ได้จริงหรือกลายมาเป็นหน่วยการลงทุนได้เลย
The smattering of institutional investor/corporate announcements over the past year have helped pump the price of bitcoin, but Grayscale remains the dominant holder. pic.twitter.com/eKgwYojlS3
— Robin Wigglesworth (@RobinWigg) March 17, 2021
การที่มีนักลงทุนถือวอลเล็ทจำนวนมากขนาดนั้นมันก็ส่งผลต่อราคาของ Bitcoin ด้วยที่เป็นจุดอ่อนของ Bitcoin ที่ทำให้นักลงทุนเหล่านั้นอาจทำการปั่นตลาดได้
นอกจากนี้วอลเล็ทที่ถือ Bitcoin เยอะ ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก Exchange ด้านคริปโตหรือบริการอื่น ๆ ที่ให้บริการรับฝาก Bitcoin
อีกทั้งผู้ใช้งานหนึ่งรายก็อาจเป็นเจ้าของวอลเล็ทหลาย ๆ ใบได้ วอลเล็ทเพียงใบเดียวสามารถจัดการกับวอลเล็ทอีกหลาย ๆ ใบเพราะมันก็คือเจ้าของคนคนเดียวกัน
การใช้งาน Bitcoin ยังคงถูกนำไปใช้ในตลาดมืดหรือถูกนำไปใช้อย่างผิดกฎหมายด้วย นอกจากนี้มันยังทำลายธรรมชาติเพราะมันกินพลังงานไฟฟ้า
จากรายงานของ Barrons ศูนย์การเงินทางเลือกของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ประเมินว่า BTC ใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 0.6% ของโลก แต่ก็ยังมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่บ่งชี้ว่า Bitcoin นั้นส่งผลกระทบต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
ด้านนาย Alex Kruger นั้นไม่เห็นด้วยและโพสต์ทวิตเตอร์โต้แย้งรายงานดังกล่าวของนักวิเคราะห์จาก Bank of America
Sell-side analysts continue releasing ridiculous #Bitcoin takes
— Alex Krüger (@krugermacro) March 18, 2021
> Bitcoin's speed relative to Visa's is irrelevant
> A good reason to own BTC is its risk:return profile
> Banking also aids nefarious activities
> CBDCs are the opposite of kryptonite for crypto
Big fail from BOFA pic.twitter.com/nIbV2Dg2z6