Australian Open ลุยเปิดสนามบน Decentraland แล้ว

บริษัท Tennis Australia และ Decentraland ร่วมลงนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสแกรนด์แสลม (Grand Slam) ในสนาม Australia Open (AO) บน Metaverse ครั้งแรกในพื้นที่ของ Melbourne Park รวมไปถึง Rod Laver Arena และ Grand Slam Park โดยจะเปิดให้ผู้ชมได้ใช้บริการตลอด 2 สัปดาห์ของการแข่งขันที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา

เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง Australian Open ลุยจัดการแข่งขันกีฬาบน Metaverse ย้อนกลับไปในปี 2020 ผู้จัดการแข่งขันเทนนิสระดับโลกได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา E-Sports ในชื่อ Fortnite Summer Smash พร้อมตั้งเงินรางวัลสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Australian Open ลุยมอบของรางวัลสุดพิเศษให้แฟนกีฬาบน Metaverse

การแข่งขันครั้งนี้ได้รวบรวมสิทธิพิเศษมากมายไว้ให้กับบรรดาผู้เข้าชมบนโลกเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็น ภาพเหตุการณ์เบื้องหลังการแข่งขันจากกล้อง 300 ตัวที่ถูกติดตั้งอยู่รอบ Melbourne Park และการเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ของนักกีฬา และหมู่บ้านที่มีไว้รองรับการฝึกซ้อมสุดพิเศษ ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้วทางผู้จัดยังได้รวบรวมภาพการแข่งขันเทนนิสในยุค 70 และกิจกรรมพบปะนักเทนนิสชื่อดัง เช่น Mark Philippoussis และผู้เล่นรายอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้ให้กับแฟนกีฬาอีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันทางหน่วยงานจะยังไม่ออกมาเผยถึงรายชื่อของนักกีฬาที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ก็ตาม

Ridley Plummer ผู้จัดการโปรเจกต์ Tennis Australia NFT & Metaverse ได้ออกมากล่าวต้อนรับผู้เข้าชมผ่าน Decentraland ระบุว่า AO หวังจะกลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการแข่งขันกีฬา และผู้มอบความบันเทิงที่แฟน ๆ สามารถเข้าถึงได้มากที่สุดในโลก

“การนำพา AO เข้ามาสู่จักรวาล Metaverse นับเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงการแข่งขันกีฬาของเราได้”

COVID-19 คือแรงบันดาลใจสำคัญ

การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ก่อให้เกิดการจำกัดด้านการเดินทาง และกฎระเบียบต่าง ๆ มากมาย ส่งผลให้บรรดาแฟนกีฬาไม่สามารถเดินทางมายังเมลเบิร์นเพื่อชมการแข่งขันด้วยตนเองได้ นอกจากนี้ทาง AO เองก็ได้เผชิญกับความท้าทายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของจำนวนผู้เข้าชมที่ลดลงเป็นประวัติการณ์ และข้อจำกัดในการล็อกดาวน์ของประเทศ

ด้วยเหตุนี้ทางผู้จัดจึงตัดสินใจพลิกวิกฤตในครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาสได้อย่างน่าอัศจรรย์ จากการเข้าร่วมมือในครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันได้ผ่านโลกเสมือนจริง ทางด้าน Plummer ก็ได้ออกมายืนยันว่าทาง AO วางแผนที่จะร่วมมือกับ Decentraland ต่อไปในระยะยาว

“Metaverse จะยังไม่หายไปไหน และบริษัทของเราตัดสินใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปในอนาคตเพื่อขยายภาพลักษณ์บนโลกออนไลน์ และขยายขอบเขตนวัตกรรมให้กว้างขึ้น”

นอกจากนี้ Tennis Australia ได้ดำเนินการเช่าที่ดินเสมือนจากบริษัท Vegas City เจ้าของพื้นที่เสมือนจริงผืนนี้ ซึ่งเขากล่าวเสริมว่าทางบริษัทกำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมลงทุนกับทรัพย์สินบน Metaverse ด้วยเช่นเดียวกัน

“แน่นอนว่าพวกเรามององค์กรเป็นมากกว่าแค่ผู้จัดการแข่งขันเทนนิส แต่เราคือผู้ให้บริการด้านความบันเทิง ไม่ว่าเราจะตัดสินใจที่จะให้บริการผ่าน Metaverse เป็นเวลา 12 เดือนใน 1 ปี หรืออาจเพียงแค่ไม่กี่เดือนนั้น แน่นอนว่าเราได้เก็บประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณาในแผนงานอนาคตของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

Australian Open ลุยออกคอลเลกชัน NFT บนแพลตฟอร์ม Sweet

ในขณะเดียวกันในวันที่ 17 มกราคม ทาง AO ได้ออกมาประกาศเพิ่มเติมถึงการร่วมมือกับ Sweet แพลตฟอร์ม NFT เปิดตัวคอลเลกชัน Non-Fungible Token รวมทั้งหมด 6 ชุดเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในระยะเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมาของ AO ซึ่งคอลเลกชันดังกล่าวจะถูกปล่อยออกมาจัดจำหน่ายในระหว่างการจัดการแข่งขันในวันที่ 17 ถึง 27 มกราคม

Tom Mizzone ซีอีโอแห่ง Sweet กล่าวว่าการเปิดตัว NFT คอลเลกชันนี้จะแสดงให้เห็นถึงแนวทางการเข้าถึงรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อแฟนกีฬาโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาได้เข้ามาสัมผัสโลกของไอดอลนักกีฬาที่ชื่นชอบ ทั้งนี้เขายังยอมรับว่าเขาชื่นชอบแนวคิดที่เปลี่ยน IP ให้กลายมาเป็นของที่ระลึกในรูปแบบดิจิทัล และเชื่อมโยงเหตุการณ์สำคัญให้กลายมาเป็นประสบการณ์รูปแบบใหม่

“ไอเดียที่ AO ได้ออกมาแบบเก้าอี้ผู้ตัดสินการแข่งขันนั้นไม่เคยมีมาก่อน และในปัจจุบันแฟนกีฬาเทนนิสสามารถร่วมเป็นเจ้าของ และอวดรูปภาพของเก้าอี้ชิ้นนั้นได้ผ่าน NFT เป็นที่เรียบร้อย มันน่าทึ่งมากจริง ๆ”

อีกหนึ่งผลงาน NFT จากทาง Australian Open

นอกจากนี้ทาง AO ยังได้เปิดตัวคอลเลกชัน NFT อีกซีรีส์หนึ่งในชื่อ Art Ball ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอัลกอริทึมจำนวน 6,776 ตัวบนแพลตฟอร์ม OpenSea เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมาเพิ่มเติม โดยจากจากข้อมูลของผู้จัดการ Plummer ได้ระบุว่าคอลเลกชันดังกล่าวถูกขายหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น หลังจากราคาของเหรียญ Ether (ETH) ร่วงลงมาอยู่ที่ 0.26 ETH หรือราว 875 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เหรียญ และปริมาณการซื้อขายนั้นอยู่ที่ระดับ 223 ETH หรือเท่ากับ 751,287 ดอลลาร์สหรัฐ