ข่าว Ethereum

5 ปัจจัยที่ทำให้ราคา Ethereum ร่วงต่อเนื่อง

16524072437454.jpg

ราคา Ethereum ร่วงลงอย่างหนักบอกใบ้อะไรบ้าง? แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ราคาดิ่งฮวบลงมามากขนาดนี้? มาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

มูลค่าของโทเคนจากเครือข่าย Blockchain ชั้นนำอย่าง Ethereum หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Ether (ETH) ร่วงลงมามากกว่าครึ่งนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 และยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันมีราคาดิ่งลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ราคาจากแหล่งต่าง ๆ ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า มูลค่าของ ETH จะยิ่งลดฮวบลงไปอย่างมากภายในเดือนมิถุนายนนี้อย่างแน่นอน เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญบางอย่าง แล้วปัจจัยนั้นมันคืออะไรล่ะ? มาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

Terra กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคา Ethereum ร่วง

อ้างอิงจากผลการรายงานความเคลื่อนไหวของตลาดจาก CoinShares เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า บรรดานักลงทุนต่างพากันถอนเงินทุนของตนเองคืนกลับมาจากกองทุน Ethereum คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กันเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าการสูญเสียเงินทุนจำนวนมหาศาลได้สร้างความเสียเปรียบให้กับเหรียญดิจิทัลรายใหญ่รายนี้ค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Solana (SOL) ที่มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมาถึง 104 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน Cardano (ADA) เองก็สามารถทำสถิติเพิมขึ้นมาได้ถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยเช่นเดียวกัน

การถอนเงินจากกองทุน Ethereum ก้อนใหญ่นั้นส่อแววมาจากปัญหาการล่มสลายของเหรียญ TerraUSD (UST) และ Terra (LUNA) ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin หลักที่ถูกนำมาใช้บนเครือข่าย Terra ที่ได้สร้างผลกระทบในตลาด DeFi เป็นวงกว้าง จนทำให้ความน่าเชื่อถือ และความสนใจจากนักลงทุนลดลงตามไปด้วย ดังนั้นแล้ว การที่ Ether จะพลิกกลับเข้ามาอยู่ในตลาดขาขึ้นได้นั้น ก็คงต้องรอให้ตลาด DeFi สามารถกลับมาอยู่ในสภาวะตื่นตัวให้ได้เสียก่อน

ค่า TVL ของ ETH หล่นฮวบ

แน่นอนว่า สาเหตุหลักนั้นไม่ได้เกิดมาจากแค่เพียงเหรียญ Stablecoin ที่ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในตลาดตัวดังกล่าวแค่เท่านั้น แต่ทว่ายังคงมีสาเหตุหลักมาจากค่า Total Valued Locked (TVL) ของแอปพลิเคชันด้านการเงินที่อยู่บนเครือข่าย Ethereum ยังได้ร่วงลงมาอยู่ที่ 68.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ เกือบ 65% เลยทีเดียว

Ethtvl 1024x482.png

นอกจากนั้นแล้ว ค่า TVL ยังได้ส่งสัญญาณสำคัญถึงการถดถอยของ DeFi Pool บนเครือข่าย Ethereum ครั้งใหญ่อีกด้วย ซึ่งประเด็นดังกล่าวนั้นได้เกิดขึ้นมาก่อนที่จะเกิดวิกฤตการล่มสลายของโทเคน Luna Classic (LUNC) และ TerraUSD Classic (USTC) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันยังสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ที่ 100 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

FED คุ้มเข้มทำราคา Ethereum ร่วงหนัก

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่คอยสร้างอุปสรรคครั้งใหญ่ให้กับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างขาดไม่ได้เลยคงจะหนีไม่พ้นหน่วยงานกำกับดูแลนั่นเอง หลังจากการออกนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve - FED) ประกอบกับการเข้ามากำกับดูแลอุตสาหกรรม DeFi อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ Ether มีแนวโน้มที่จะร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนนี้

ในขณะเดียวกันทางด้าน Ilan Solot หุ้นส่วนแห่ง Tagus Capital ก็ได้ออกมากล่าวถึงการกระทำของ Fed ในครั้งนี้ว่า

“หาก Fed กำลังเข้ามาคุมเข้มในตลาดแล้วล่ะก็ โลกก็คงกำลังถึงจุดถดถอยเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนั้นแล้ว บรรดานักลงทุนยังต้องยอมจ่ายค่าน้ำมันที่แสนแพงในสภาพเศรษฐกิจเช่นเดียว จึงทำให้พวกเขามีเงินลงทุนในตลาด DeFi หรือ นำมาใช้ลงทุนในเกม Blockchain ได้น้อยลง”

พฤติกรรมของนักเทรดก็ส่งผลไม่แพ้กัน

ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจัยที่สำคัญอีกประกานหนึ่งนั้น คงจะหนีไม่พ้นพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เนื่องจากความผันผวนที่เริ่มก่อตัวขึ้น จะเห็นได้จากเส้นแนวรับ และเส้นแนวต้านที่กำลังลดต่ำลง ซึ่งรูปแบบของกราฟในลักษณะนี้นั้นได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่ยังคงก่อตัวอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

Tradingviewsethusd 1024x542.png

ซึ่งตามหลักการวิเคราะห์ราคาทางเทคนิคแล้วนั้น กราฟในลักษณะนี้จะเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่ราคาได้ทะลุแนวรับ และร่วงลงไปสู่ระดับที่ต่ำที่สุดนั่นเอง และแน่นอนว่าความเสี่ยงของเหรียญ Ether ยังคงเดินหน้าอยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนนี้ เช่นเดียวกัน

หากราคา ETH สามารถทะลุลงไปต่ำกว่าแนวรับได้ ก็อาจเกิดความเสี่ยงที่ราคาของเหรียญจะพุ่งทะลุต่ำกว่าระดับ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในเดือนนี้ ซึ่งลดลงมากว่า 25% เลยทีเดียว

เงินสำรอง ETH บนแพลตฟอร์ม Exchange กำลังเพิ่มขึ้น

จำนวน Ether ที่คงเหลืออยู่บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนทั่วโลกนับตั้งแต่เกิดการล่มสลายของ Terra นั้นได้เพิ่มขึ้นมาถึง 550,459 ETH นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม หรือ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโดยปกติแล้ว นักเทรดโดยส่วนใหญ่จะส่งโทเคนของตนเองเข้าไปไว้บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเมื่อพวกเขาต้องการจะเทรดกับสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ แต่ทว่าด้วยแรงกดดันที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้อาจช่วยทำให้เงินทุนสำรองของ ETH เพิ่มขึ้นมาได้นั่นเอง

แม้ราคา Ethereum ร่วงหนัก แต่จะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในอนาคต

ก่อนหน้านี้ ทาง CryptoSiam เองก็ได้เคยรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของราคา ETH ที่พุ่งลงไปต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์สหรัฐมาแล้วเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย ณ ขณะนั้น ได้มีนักวิเคราะห์ชื่อดังรายหนึ่ง ออกมาคาดการณ์ว่าอัตราความคาดหวังจากนักลงทุนที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะช่วยส่งผลให้แนวโน้มของตลาดเกิดการปรับฐานที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือ ในอีกทางหนึ่งก็อาจทำให้เหรียญพลิกกลับขึ้นมาอยู่ในช่วงขาขึ้นได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นแล้ว พวกเราก็คงยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า ETH จะร่วงลงไปอยู่ที่ระดับใด และจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เหรียญจะพลิกกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นในเร็ว ๆ นี้

DISCLAIMER: การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะชี้นำในการให้ข้อมูลทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่น ๆ แต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ รวมไปถึงควรดำเนินการควบคุมความเสี่ยงอยู่เสมอ 

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง