Blockchain

สหรัฐอเมริกาครอบครองสิทธิบัตรด้าน Blockchain เป็นอันดับหนึ่งของโลก

Photo 1485738422979 F5c462d49f74.jpg

ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ในครอบครองสูงที่สุด โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 2,112 ฉบับ แต่เรื่องน่าขันก็คือบริษัทที่มีสิทธิบัตรในครอบครองมากที่สุดกลับไม่ได้อยู่ในประเทศนี้

แม้ว่า Alibaba ผู้ให้บริการเว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติมังกรจะเป็นบริษัทที่ยื่นจดสิทธิบัตรมากที่สุดในปีนี้ แต่ทว่าประเทศสหรัฐอเมริกากลับเอาชนะสถิติดังกล่าวด้วยการเป็นประเทศที่ถือครองสิทธิบัตร Blockchain สูงที่สุดในโลก ตามที่ได้มีการรายงานของบริษัท KISSPatent ผู้ให้คำปรึกษาด้านสินทรัพย์ทางปัญญาเมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา

ถึงจะมีวิกฤต แต่เทคโนโลยีนั้นไม่หยุดเติบโต

ประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีสิทธิบัตรในครอบครองสูงที่สุด โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 2,112 ฉบับ ตามมาด้วยหมู่เกาะเคย์แมนแห่งประเทศอังกฤษในจำนวน 350 ฉบับ และประเทศแคนาดารั้งอันดับที่ 3 ด้วยจำนวน 118 ฉบับ

โดย IBM และ Alibaba ถือเป็นบริษัทที่ครอบครองสิทธิบัตร Blockchain สูงที่สุด โดย Alibaba ได้ยื่นจดสิทธิบัตรแล้วทั้งสิ้นมากกว่า 200 ใบ ในขณะที่ IBM เองก็ยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 100 ฉบับเลยทีเดียว แต่ทว่าบริษัทในประเทศอย่าง Bank of America และ Mastercard เองก็ได้ทำการลงทะเบียนจดสิทธิบัตรหลากหลายฉบับเช่นเดียวกัน ทำให้จำนวนรวมของสิทธิบัตรที่ถูกบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาถือครองพุ่งสูงขึ้น จากข้อมูลของ KISSPatent สิทธิบัตร Blockchain ที่ถูกจดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 นั้นมีมากกว่าจำนวนสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2019 เสียด้วยซ้ำ

แล้วประเทศจีนอยู่ตรงไหนในการจัดอันดับครั้งนี้?

Blockchain Patents 1024x574.jpg
ภาพรวมประเทศที่ถือครองสิทธิบัตร Blockchain

นอกจากนี้ประเทศที่ยังคงอยู่ใน 6 อันดับแรกที่เหลือนั้น ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น 108 ฉบับ ประเทศเกาหลีใต้ 87 ฉบับและประเทศจีน 77 ฉบับ แต่เรื่องน่าขันก็คือสาเหตุที่หมู่เกาะเคย์แมนแห่งประเทศอังกฤษได้ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในด้านการครอบครองสิทธิบัตรนั้น เนื่องจากบริษัทในเครือ Alibaba ที่มีสาขาใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษได้ทำการลงทะเบียนจดสิทธิบัตรดังกล่าวนั่นเอง ตลกไหมล่ะ

แม้ว่าบริษัทที่อยู่ในประเทศจีนส่วนใหญ่มักจะมีรายชื่ออยู่ใน 10 อันดับแรกของการจัดอันดับจำนวนการถือครองสิทธิบัตร Blockchain ของบริษัท แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับ Blockchain จะมีสิทธิอยู่ในการจัดอันดับดังกล่าว โดย KISSPatent ได้กล่าวว่าบริษัทเหล่านี้มีการนำเอา Blockchain มาใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลงานด้านเทคโนโลยีให้แก่บริษัทเพียงเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด

ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่เป็นแรงผลักดันประเทศจีนให้ทำการจดสิทธิบัตรจำนวนมหาศาล ก็เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าในต่างประเทศ

“พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากตัวอย่างของบริษัท Xiaomi ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบริษัท “Apple ในประเทศจีน” ที่ถูกห้ามไม่ให้ส่งออก หรือการซื้อขายสมาร์ทโฟนในตลาดนอกประเทศจีน เนื่องจากบริษัทสัญชาติ Swedish อย่าง Ericsson ได้ครอบครองสิทธิบัตรเอาไว้เป็นจำนวนมาก”
ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC