ไทยจะพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวโดยดึงดูดเหล่าผู้ถือครอง Crypto กระเป๋าหนัก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายอันแสนท้าทาย โดยพุ่งเป้าไปที่เหล่านักท่องเที่ยวผู้ถือครอง Crypto โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยแผนการดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากการที่ทางคณะกรรมการการท่องเที่ยวกำลังพยายามปรับโฉมภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยใหม่เพื่อให้สอดรับกับยุคหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัส COVID-19ซึ่งทาง ททท. มุ่งมั่นที่จะให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการทำการตลาดที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้ถือครอง Cryptocurrency

ญี่ปุ่นเป็นผู้ถือครอง Crypto รายใหญ่ของตลาด

ภาคการท่องเที่ยวหนันเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการเกิดขึ้นของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อต้นปีที่แล้วซึ่งทำให้เกิดการห้ามเดินทาง และการปิดกั้นจากทั่วทุกมุมโลก โดยประเทศไทยของเรานั้นพยายามที่จะกลับมายืนหยัดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อีกครั้งโดยดึงดูดผู้ถือ Crypto ที่มียอดการใช้จ่ายสูง

แผนการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในช่วงเริ่มต้นนั้นเลือกที่จะดึงดูดผู้ถือครอง Crypto สัญชาติญี่ปุ่นเนื่องจากประเทศนี้ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้าน Cryptocurrencyที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลการศึกษาของ Dalia ในปี 2018 ระบุว่า 11% ของประชากรในญี่ปุ่นเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล และตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 7% อยู่มากเลยทีเดียว

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า

“หากเราสามารถเตรียมประเทศให้พร้อมสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้ก็จะช่วยดึงดูดโอกาสจากนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะเหล่าคนรุ่นใหม่ และเหล่าคนรุ่นใหม่ที่ร่ำรวย”

การเติบโตของตลาด crypto

ประเทศไทยได้ใช้วิธีที่สร้างสรรค์ในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว และการตัดสินใจกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลนั้นอาจสืบเนื่องมาจากการเติบโตที่สำคัญของอุตสาหกรรมดิจิทัลด้วย ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดเลยก็คือการครอบงำตลาดของ Bitcoin ที่ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากที่เพิ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลอย่างต่อเนื่องในช่วง Bull Run รอบนี้

ทั้งนี้ ทาง ททท. กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดตัวบริการสกุลเงินดิจิทัลในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่ง Cryptocurrencies และเทคโนโลยี blockchain อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในยุคหลังการแพร่ระบาดได้

ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วไห่หนานซึ่งเป็นจังหวัดบนเกาะทางตอนใต้ของประเทศจีนเองก็จับตามองโปรแกรมสะสมคะแนนที่เปิดใช้งานบล็อกเชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คะแนนการบริโภคที่ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถแลกเปลี่ยนระหว่างธุรกิจต่าง ๆ ในสาขาวัฒนธรรมและความบันเทิง