Bitcoin ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ $108,865 ท่ามกลางแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในตลาด Futures แต่ข้อมูลจาก Hyblock ชี้ว่านักลงทุนในตลาด Spot เริ่มกลับเข้ามาซื้อเพิ่ม โดยมีโอกาสหนุนให้ราคาฟื้นตัวจากโซนแนวรับบริเวณ $107,000
นักวิเคราะห์เตือน Bitcoin ต้องหลีกเลี่ยงการร่วงต่ำกว่าแนวรับ $100,000 แม้มีสัญญาณบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึง 55% ซึ่งอาจกระทบความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้อาจกลายเป็นสัญญาณลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึง Bitcoin ซึ่งเคยร่วงกว่า 20–30% ทุกครั้งหลัง BoJ ขึ้นดอกเบี้ยในรอบที่ผ่านมา

XRP ETF ดูดซับเหรียญกว่า 506 ล้านโทเค็นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หนุนแนวโน้มราคาขาขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ XRP ทำจุดสูงสุดใหม่ภายในปี 2026

Eric Balchunas ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุน ETF ระบุว่า Bitcoin ที่ยืนหยัดมาได้นานถึง 17 ปี และการฟื้นตัวจากวิกฤตหลายครั้ง ทำให้การเปรียบเทียบกับภาวะฟองสบู่ทิวลิปนั้นล้าสมัยไปแล้ว แม้จะมีการวิจารณ์อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์จาก Bitfinex ชี้ถึงปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น สภาวะ "การล้างสัญญาเก็งกำไรขั้นรุนแรง" และตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ Bitcoin สามารถรักษาฐานราคาไว้ได้และมีศักยภาพในการปรับตัวสูงขึ้นต่อไป

รัฐบาลท้องถิ่นของเท็กซัสเข้าถือ Spot Bitcoin ETF และจัดสรรอีก 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับการเข้าซื้อ Bitcoin โดยตรงผ่านการเก็บรักษาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับรัฐของสหรัฐฯ ที่กำลังเพิ่มขึ้น


ดัชนี RSI ของ Bitcoin ดิ่งลงแตะระดับเดียวกับช่วงที่ราคาอยู่ราว 15,000 ดอลลาร์ในต้นปี 2023 ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้จุดกลับตัว แม้บางฝ่ายเตือนว่าการสร้างฐานอาจใช้เวลานานกว่าที่ตลาดคาด

ข้อมูลบนบล็อกเชนล่าสุดเผยว่า วาฬ Bitcoin รุ่นใหม่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาด โดยปัจจุบันถือกว่า 50% ของมูลค่าตลาดที่เกิดขึ้นจริงในระบบ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในกระแสเงินทุนของตลาดคริปโต