แม้ราคา Bitcoin จะปรับฐานแรงกว่า 7,000 ดอลลาร์จากจุดสูงสุดตลอดกาล แต่สถาบันการเงินยังคงเดินหน้าซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สะท้อนแนวโน้มเชิงบวกของกระแสเงินทุนจากฝั่ง ETF ที่อาจดันราคาทะยานขึ้นแตะ $135,000 ภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์เตือน หากสหรัฐฯ ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรง ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาของ Bitcoin
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่า Bitcoin มีโอกาสปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 6–12 เดือนข้างหน้า โดยประเมินว่าอาจมีราคาแตะ 170,000 ดอลลาร์ หากเทียบมูลค่ากับทองคำตามอัตราความผันผวนของราคา

Coinbase เดินหน้าเสริมธุรกิจ Stablecoin หลังรายมีรายได้เพิ่มขึ้นจนคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ขณะอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ BVNK บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางอินโดนีเซีย เดินหน้าออกเหรียญดิจิทัลที่มีพันธบัตรรัฐบาลหนุนหลัง โดยระบุว่าเป็น “Stablecoin แห่งชาติ” ซึ่งจะถูกผนวกเข้ากับสกุลเงินดิจิทัลรูเปียห์ ที่พัฒนาอยู่ในปัจจุบัน


รายงานจาก Schwab Asset Management ระบุว่า นักลงทุน ETF กว่า 45% มีแผนลงทุนในกองทุนคริปโต เทียบเท่าผู้ที่ตั้งใจลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ชี้ “น่าตกใจ” ที่คริปโตได้รับความสนใจในระดับเดียวกับตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่กว่าหลายเท่า

กองทุน Spot Solana ETF ยังคงดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันได้ต่อเนื่องกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียว สะท้อนความต้องการสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย Solana ที่ยังแข็งแรง แต่ราคาของ SOL กลับหลุดแนวโน้มขาขึ้นรายปีและแนวรับสำคัญที่ 155 ดอลลาร์ สร้างความกังวลว่าอาจปรับฐานลงต่อสู่ช่วง 120–100 ดอลลาร์

หลังจากนักวิเคราะห์อย่าง Tom Lee และ Arthur Hayes เคยมั่นใจว่า Bitcoin จะพุ่งแตะ 250,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 ล่าสุด นักวิเคราะห์หลายรายเริ่มปรับมุมมองเป็นขาลง โดยระบุว่าราคาน่าจะไปไม่ถึงแม้แต่ครึ่งของเป้าหมายดังกล่าว ท่ามกลางแรงขายจากผู้ถือระยะยาวและความเชื่อมั่นในตลาดที่เริ่มอ่อนตัวลง

ดัชนี Crypto Fear & Greed ร่วงลงกว่า 21 จุด สู่ระดับ “Extreme Fear” ต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือน หลัง Bitcoin ร่วงหลุดแนวรับสำคัญที่ 106,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และกระแสเทขายจากนักลงทุนสถาบัน