ข่าวธุรกิจ

OpenSea บล็อกผู้ใช้งานในประเทศที่โดนคว่ำบาตร

Openseaa.png

ตลาดซื้อขาย NFT รายใหญ่ยืนยันว่า OpenSea บล็อกผู้ใช้งานบางที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรจริง

ตลาด Non-Fungible Token (NFT) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การันตีด้วยยอดขายสูงกว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้น ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าทางแพลตฟอร์ม OpenSea บล็อกผู้ใช้งานชาวอิหร่านจากแพลตฟอร์มของตนจริงเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้เหล่านักสะสมผลงาน NFT จำนวนมากต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู

OpenSea บล็อกผู้ใช้งานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม OpenSea ในประเทศอิหร่านจำนวนมากกระจายข่าวผ่านโพสต์บนทวิตเตอร์ พร้อมระบุว่าทางแพลตฟอร์มได้ระงับ หรือ ลบบัญชีการใช้งานของพวกเขาลง โดยปราศจากการแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้า ทางด้าน “Bornosor” ศิลปิน NFT ชาวอิหร่านก็ได้ออกมาแสดงความผิดหวังผ่านทางทวิตเตอร์ร่วมกันกับผู้ติดตามอีกกว่า 4,700 ราย ระบุว่า

“ผมตื่นขึ้นมาเพื่อเปิดดูบัญชีซื้อขาย OpenSea ของตนเองที่ถูกระงับ หรือลบไปแล้ว โดยปราศจากการแจ้งเตือน หรือ คำอธิบายใด ๆ”

Bornoso.png
Source: Bornosor's Twitter

ประเด็นดังกล่าวได้ตกเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างหนาหู และได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว จากการ Retweet กว่า 342 ครั้ง และมีจำนวนผู้กด Like สูงกว่า 1,000 รายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

OpenSea อ้างถึงสิทธิ์ในการบล็อกอันชอบธรรม

ทางด้านโฆษกประจำแพลตฟอร์ม OpenSea ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมเปิดเผยถึงสาเหตุการแบนผู้ใช้งานชาวอิหร่านว่าแพลตฟอร์มยังคงมีสิทธิ์ที่จะบล็อกการใช้งานของพวกเขาจาปัญหาการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้น

“ข้อกำหนดในการให้บริการของ OpenSea ระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใช้งานที่ถูกคว่ำบาตร หรือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ถูกคว่ำบาตรเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งทางบริษัทเองก็มีนโยบายที่จะไม่ยินยอมให้มีการใช้บริการด้วยการระงับการใช้งานรายบุคคล หรือ องค์กร และผู้ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศดังกล่าวลง หากทางเราพบว่ามีบุคคลได้ละเมิดนโยบายดังกล่าว ทางบริษัทจะดำเนินการระงับการใช้งานอย่างรวดเร็ว เพื่อแบนบัญชีทีมีความเกี่ยวข้อง”

สาเหตุที่ทำให้ OpenSea ต้องบล็อกการใช้งานชาวอิหร่าน

ปัจจุบันการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาส่งผลให้บริษัทภายในประเทศไม่ได้รับอนุญาตให้มีการส่งมอบสินค้า และบริการแก่ผู้ใช้งานที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ถูกคว่ำบาตรได้ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีเหนือ, ซีเรีย และล่าสุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรัสเซีย ด้วยเหตุนี้ OpenSea ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ภายในกรุงนิวยอร์ก ออกมาระงับการใช้งานของผู้คนในประเทศดังกล่าวนั่นเอง

Meta Mask 1024x511.jpg

การกระทำของ OpenSea ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากต่างก็ออกมาถกเถียงครั้งใหญ่ว่าบรรดาผู้ให้บริการ Blockchain รายใหญ่หลายแห่งนั้นสามารถการกระจายอำนาจได้เพียงพอแล้วหรือไม่ เนื่องจาก ทาง MetaMask เองก็ได้เข้าร่วมดำเนินการตามนโยบายการคว่ำบาตรด้วยเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในผู้ใช้งานชาวเวเนซูเอลาได้เผยว่าเขาถูกแบนจากการเข้าถึง Wallet ของ MetaMask ภายหลังจาก Infura บริษัทผู้พัฒนา Blockchain ได้ขยายขอบเขตนโยบายคว่ำบาตรดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

Binance ยืนยันจะไม่บล็อกผู้ใช้งานเพราะการคว่ำบาตรแน่นอน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เป็นผลกระทบมาจากการคว่ำบาตรประเทศอื่น ๆ โดยมีบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตอีกหลายแห่งที่ได้เข้าร่วมต่อต้านสินทรัพย์คริปโตของรัสเซียด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้ออกมาปฏิเสธที่จะบล็อกบัญชีผู้ใช้งานชาวรัสเซียที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับความขัดแย้งในครั้งนี้

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการคว่ำบาตรทำอะไรรัสเซียไม่ได้

หลังจากช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียนั้นร่วงลงอย่างหนัก จนทำให้ประชาชนในประเทศต้องหันพึ่งพาสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของโลกอย่าง Bitcoin ด้วยเหตุนี้ทางสหรัฐอเมริกา และอีกหลากหลายประเทศทั่วโลกจึงได้ขยายขอบเขตการคว่ำบาตรออกไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงคริปโตเคอเรนซีมากขึ้น เพื่อดำเนินการปราบปรามการกระทำของรัสเซีย

แต่ทว่าในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์กลับมองว่าวิธีดังกล่าวจะสร้างผลกระทบให้กับประเทศมหาอำนาจได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดคริปโตมีขนาดเล็กกว่าตลาดประเภทอื่น ๆ ในรัสเซียอยู่ค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากยอดการซื้อขายบนแพลตฟอร์มคริปโตที่มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อการเทรด 1 ครั้ง เทียบกับมูลค่าการค้าด้วยสกุลเงินรูเบิลที่สูงแตะระดับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ Bitcoin ยังมีปัญหาทางด้านสภาพคล่อง ความปลอดภัย และการเชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าแม้จะมีองค์กรมากมายพากันคว่ำบาตรรัสเซียไปแล้ว แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะยังคงสามารถหาทางออกให้กับปัญหานี้ได้อยู่ดี

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC