เกาหลีเหนือซ่องสุมแฮ็กเกอร์ไว้กว่า 6,000 คน
กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเกาหลีเหนือมีหน่วยงานจำนวนมากซึ่งมีหน้าที่คอยทุ่มเทให้กับการดำเนินงานด้านสกุลเงินดิจิทัล และการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเกาหลีเหนือมีหน่วยงานจำนวนมากซึ่งมีหน้าที่คอยทุ่มเทให้กับการดำเนินงานด้านสกุลเงินดิจิทัล และการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
กองทัพสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานที่ชื่อว่า North Korean Tactics ซึ่งภายในเนื้อหาได้ระบุถึงการซ่องสุมกองกำลังแฮกเกอร์มากกว่า 6,000 คน ของเกาหลีเหนือในขณะนี้ และพวกเขายังได้ส่งนักรบไซเบอร์เหล่านี้ประจำการในประเทศต่าง ๆ เช่น เบลารุส จีน อินเดีย มาเลเซีย รัสเซียและประเทศอื่นอีกทั่วทั้งโลก เนื่องจากเมื่อตรวจสอบย้อนกลับไปยังการโจมตีที่พวกเขาได้กล่าวอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จากข้อมูลจะบ่งชี้ให้เห็นว่าเหล่าแฮ็กเกอร์ไม่ได้เปิดใช้การโจมตีทางไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ เนื่องด้วยภายในประเทศนั้นนี้ขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่จะสามารถสนับสนุนการจู่โจมขนาดใหญ่
เหล่านักรบด้านไซเบอร์ดังกล่าว อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจาก Bureau 121 หน่วยงานราชการสังกัดประเทศเกาหลีเหนือ ที่ถูกเรียกขานกันในนามกองกำลังนักรบไซเบอร์ของท่านผู้นำคิม โดยหน่วยงานดังกล่าวนี้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อก่อสงครามไซเบอร์โดยเฉพาะ และเป็นหน่วยงานที่ท่านผู้นำสูงสุดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้รับงบประมาณถึง 10-20% ของงบประมาณทางการทหารเลยทีเดียว
สถานที่บ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญด้านการก่ออาชญากรรม
หนึ่งในหน่วยงานของ Bureau 121 ที่ทางกองทัพสหรัฐฯ ได้ข้อมูลมาคือ "แผนกอาชญากรรมทางการเงิน" ที่เรียกว่า Bluenoroff Group มีสมาชิกราว 1,700 คนและพวกเขาคอยทุ่มเทให้กับการก่ออาชญากรรม Crypto "โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเสียหายระยะยาวจากการใช้ประโยชน์ผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายของศัตรู"
ทางกองทัพสหรัฐฯ ยังได้ระบุว่า เหล่านักโจรกรรมออนไลน์เหล่านี้ยังมีอีกแผนกที่ทุกอย่างถูกกระทำขึ้นภายใต้ภารกิจ “สร้างความโกลาหลในสังคม” ในนามของ Lazarus Group ซึ่งพวกเขาเคยทำการแฮ็กแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ทั้งยังเป็นผู้ปล่อยมัลแวร์ WannaCry ระหว่างปี 2016 ถึง 2017 นอกจากนี้กลุ่มดังกล่าวยังอยู่เบื้องหลังการแฮ็ก Sony Pictures อีกด้วย
อย่างไรก็ตามกองทัพสหรัฐฯ ไม่สามารถประเมินจำนวนแฮ็กเกอร์ในแผนกนี้ได้
เหล่าแฮ็กเกอร์จะถูกยกย่องในเกาหลีเหนือ
สำหรับชีวิตของผู้ที่ดำรงตนเป็นแฮ็กเกอร์ส่วนใหญ่นั้นอาจจะมีสวัสดิการที่ไม่ค่อยดี และไม่สามารถที่จะทำการเปิดเผยตัวตนออกมาได้ เพราะเนื่องจากเป็นการกระทำที่สุ่มเสียงต่อการผิดกฏหมาย แต่ทว่าหากเรามองไปถึงดินแดนโสมขาวแห่งนี้แล้ว เรื่องทุกอย่างอาจจะกลับตาลปัตรเลยทีเดียว เพราะในประเทศที่ถือว่าประชากรค่อนข้างที่จะยากจนอย่างเกาหลีเหนือนั้น แฮ็กเกอร์กลับเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการดูแลเอาอกเอาใจเป็นพิเศษอยู่ อ้างอิงตามการรายงานข่าวของ Reuters ที่ได้ทำการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนของแฮ็กเกอร์ที่อยู่ในองค์กรลับแห่งนี้