ทำความรู้จักกับคริปโต วอลเล็ต หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล 5 ประเภท

เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือกระเป๋าคริปโตที่ผู้ใช้งานสามารถทำการจัดเก็บ รับ หรือส่งสกุลเงินดิจิทัลต่างๆไปมา เปรียบเสมือนเป็นบัญชีของธนาคารดิจิทัลสำหรับสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่โดยเฉพาะ

กระเป๋าเงินคริปโตเป็นซอฟต์แวร์ที่เก็บกุญแจส่วนตัว (private keys) กับกุญแจสาธารณะ (public keys) เอาไว้ ซึ่งจะมีลักษณะที่โดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย ช่วยให้การจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นไปอย่างง่ายดาย มีสภาพคล่องในการลงทุน สามารถเก็บได้หลากหลายสกุลเงินและเก็บได้ในระยะยาว พร้อมกับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชนได้ตลอดเวลาอีกด้วย

กระเป๋าสำหรับเก็บบิทคอยน์ โดยปกติแล้วมีทั้งหมด 5 ประเภท แต่ละประเภทก็จะมีลักษณะของการใช้งานที่แตกต่างกัน เลือกได้ตามความสะดวกของผู้ใช้งาน ได้แก่
1. กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware)
2. กระเป๋าเงินดิจิทัลบนเดสก์ทอป (Desktop)
3. กระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ (Mobile)
4. กระเป๋าเงินดิจิทัลบนเว็บไซต์ (Web)
5. กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบกระดาษ (Paper Wallet)

กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware) และกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบกระดาษ (Paper Wallet) จะเป็นกระเป๋าคริปโตแบบออฟไลน์ หรือเรียกว่า "Cold Wallets" ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด ในขณะที่กระเป๋าเงินดิจิทัลบนเดสก์ทอป (Desktop), กระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ (Mobile) และกระเป๋าเงินดิจิทัลบนเว็บไซต์ (Web) เป็นกระเป๋าเงินแบบออนไลน์ หรือเรียกว่า "Hot Wallets" ที่มีความปลอดภัยต่ำกว่าและเสี่ยงต่อการโดนแฮ๊ก

กระเป๋าดิจิทัลแบบฮาร์ดแวร์ เป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่สามารถจับต้องได้ ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นมาเพื่อการเก็บรักษาเหรียญ หรือคริปโตเคอเรนซี่ให้ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมการเข้ารหัสลับเท่านั้น หัวใจหลักสำคัญ คือ กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบฮาร์ดแวร์จะต้องมีการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตก่อน จึงจะสามารถเข้าถึงและใช้งานได้

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หากคุณคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยของการจัดเก็บบิทคอยน์และคริปโตที่มีความสะดวกสบายและเชื่อถือได้มากที่สุด

กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบฮาร์ดแวร์จะมีการเก็บกุญแจส่วนตัว หรือ Private Key แยกออกมาจากอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจรกรรมจากช่องโหว่เหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะ Crypto จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบออฟไลน์แต่เวลาที่ทำธุรกรรมก็สามารถทำธุรกรรมแบบออนไลน์ได้ง่ายๆบนบล็อกเชนที่เป็นระบบการทำธุรกรรมที่มีความปลอดภัยสูง แม้ว่าจะมีการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์ต่างๆก็ตาม

Hot wallets คือ กระเป๋าคริปโตที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตได้อย่างง่ายดาย ด้วยการคลิกเพียงแค่ 2-3 คลิกบนโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ถึงแม้ว่า Hot wallet นั้นจะมีความโดดเด่นในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานแต่ก็ถือว่ามีความปลอดภัยที่ต่ำกว่า Cold wallet

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงไม่ควรจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากๆลงใน Hot wallet ต่างๆ เช่น Web Wallet หรือ Mobile Wallet เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะการโจรกรรมทางไซเบอร์

ดังนั้นจึงควรจัดเก็บคริปโตจำนวนหนึ่งเพียงเล็กน้อยลงใน Hot wallet และอีกส่วนหนึ่งสำหรับการลงทุนและการจัดเก็บในระยะยาวไว้ใน “cold storage” หรือ cold wallet นั่นเอง

Cold Wallets คือ กระเป๋าคริปโตที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยจะเก็บกุญแจส่วนตัว (private keys) กับกุญแจสาธารณะ (public keys) ไว้ในรูปแบบออฟไลน์ ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดายเพียง แค่เสียบคริปโต วอลเล็ต ฮาร์ดแวร์เข้าไปกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ใส่ Pin แล้วก็สามารถทำธุรกรรมได้ทันที ถึงแม้ว่าจะมีความซับซ้อนในการใช้งานเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด

การเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้นวัตกรรมการเข้ารหัสลับนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก หากว่าคุณมีการวางแผนไว้ว่าจะซื้อและถือครองคริปโต ก็ควรนำสกุลเงินดิจิทัลนั้นไปเก็บไว้ใน Cold Storage อย่างเช่น Cold wallet หรือ Paper wallet

ในทางกลับกันหากคุณเป็นผู้ที่มีการใช้จ่ายสกุลเงินดิจิทัลเป็นประจำ มันคงจะดีไม่น้อยหากคุณมีการเก็บ Crypto ไว้ในคริปโตวอลเล็ตบนมือถือแทน 

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณจะเลือกกระเป๋าเงินประเภทใดก็ตาม โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า Crypto wallet ที่คุณเลือกนั้นเป็นกระเป๋าคริปโตที่ไม่ใช่การรับฝาก โดยตรวจสอบให้ดีว่า จะต้องมีเพียงคุณในฐานะผู้ใช้งานผู้เดียวเท่านั้นที่มีกุญแจส่วนตัวของกระเป๋าเงินเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปลอดภัยและควบคุมการทำธุรกรรมได้ตลอดเวลา