เกิดอะไรขึ้น!! ราคา Bitcoin บวก 15% แตะ 35,000 ดอลลาร์ เช้าวันนี้
24 ชม. ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 15% ไปแตะที่ 35,000 ดอลลาร์ สาเหตุหลักใช่ Bitcoin ETF หรือเปล่า มาดูนักวิเคราะห์พูดถึงเรื่องนี้กัน
24 ชม. ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 15% ไปแตะที่ 35,000 ดอลลาร์ สาเหตุหลักใช่ Bitcoin ETF หรือเปล่า มาดูนักวิเคราะห์พูดถึงเรื่องนี้กัน
บทความนี้เรียบเรียงโดย นายอภินัทธ์ เดชดอนบมและนายอรุณ รุ่งโรจน์สุนทร นักวิเคราะห์ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 15% ไปแตะที่ราคาราว ๆ 35,000 ดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการปรับตัวของราคาดังกล่าวนั้นยังเป็นการทะลุ แนวรับ/แนวต้าน สำคัญที่ช่วง 29,000 - 31,000 ดอลลาร์ ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
สาเหตุหลักของการขึ้นครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของ Bitcoin ETF ของ BlackRock ที่กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา โดยหลัก ๆ จะเป็นการพูดถึงในเชิง คาดการณ์ว่าการยื่นขอเปิด Bitcoin ETF ของ BlackRock นั้นจะได้รับการอนุมัติในช่วงไหนและได้รับอนุมัติ ก่อนสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ยื่นขอไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ยกอย่างเช่นของ BitWise, WisdomTree, Invesco, VanEck หรือ Grayscale
โดยสิ่งที่ทำให้ความเป็นไปได้เรื่องการ “ถูกปฏิเสธจาก กลต. สหรัฐฯ” ไม่ค่อยถูกนำมาพูดถึงกันนั้น เนื่องจาก BlackRock ถือเป็นบริษัทจัดการการลงทุนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินภายใต้การ บริหารกว่า 9.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อ้างอิงจาก ADV Ratings - Q3/2023) ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศ ญี่ปุ่นและประเทศเยอรมนีรวมกันเสียอีก นอกจากนี้การยื่นขอเปิด ETF ของ BlackRock ภายใต้แบรนด์ iShares ก็มีอัตราความสำเร็จสูงถึง 99.8% โดยคิดจากการยื่นทั้งหมด 576 ครั้ง มีไม่ผ่านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้โอกาสที่จะผ่านมีสูงมากกว่าอย่างมากเหลือเพียงแค่ว่าจะอนุมัติเมื่อไรเท่านั้นเอง
ล่าสุดในช่วงเช้ามืดวันนี้เวลาประมาณตี 2 ของไทย ทาง Eric Balchunas นักวิเคราะห์อาวุโสเกี่ยวกับ ETF ของ Bloomberg ได้ออกมาโพสผ่านแพลตฟอร์ม Twitter หรือ X ว่า iShares Bitcoin Trust ที่เป็น Bitcoin Spot ETF ของ BlackRock ได้ถูกลิสต์อยู่บน Depository Trust & Clearing Corporation (DTCC) ที่เป็นผู้จัด การการซื้อขายบนตลาด Nasdaq โดยมี Ticker เป็น IBTC ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีว่า Bitcoin Spot ETF จะได้รับการอนุมัติในอนาคตอันใกล้นี้
ก่อนหน้านี้ทาง SEC สหรัฐได้เลื่อนการพิจารณามาโดยตลอด และรอบการพิจารณาในครั้งถัดไปของ iShares Bitcoin Trust จะเป็นวันที่ 15 มกราคม 2024 โดยหากได้รับการอนุมัติในครั้งนี้ก็สามารถคาดการณ์ ได้ว่ากองทุนอื่นๆที่ยื่นเปิด Bitcoin Spot ETF ก็จะได้รับการอนุมัติเช่นเดียวกันเพราะไม่มีเหตุผลที่ทาง SEC สหรัฐจะอนุมัติให้เพียงแค่ของ BlackRock
การอนุมัติ Bitcoin Spot ETF จะช่วยให้ฝั่งตลาดหุ้นสามารถเข้าถึงการซื้อ Bitcoin ได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้นักลงทุนจากฝั่ง Traditional Finance บางส่วนอาจจะมีการแบ่งสัดส่วนการลงทุนมาที่ Bitcoin เพื่อกระจายความ เสี่ยงได้ด้วย เนื่องจาก Correlation ระหว่าง Bitcoin และดัชนีอย่าง US Dollar Index, Nasdaq, Dow Jones และ S&P 500 ก็เริ่มเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกัน
ซึ่งหากมีเม็ดเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ ๆ ถูกแบ่งเข้ามาสู่ Bitcoin ผ่าน ETF ของ BlackRock หรือของสถาบันการเงินอื่น ๆ ก็อาจสามารถผลักราคาของ Bitcoin ขึ้นไปได้อีก และมีแนวโน้มจะทำให้ตลาด คริปโทเคอร์เรนซีกลับมาเป็นที่สนใจและมีเงินจำนวนมากไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง เพราะถ้าพิจารณามูลค่าตลาด คริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมดในตอนนี้นั้นจะอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง Bitcoin ได้กินส่วนแบ่งไปที่ ประมาณ 54% คิดเป็นมูลค่าตลาดที่ประมาณ 660,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ก็ยังถือว่าน้อยมากและมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมาก ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีมูลค่ากว่า 115 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ตลาดพันธบัตรมูลค่า 300 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว