ผู้ใช้โอนเหรียญ Link มูลค่าล้านกว่าบาทผิดบัญชี เหลือเงินเป็นศูนย์
ปัญหาประจำวงการ ผู้ใช้โอนเหรียญ LINK เข้า Smart Contract ซึ่งไม่รองรับเหรียญดังกล่าว เสียทั้งหมดที่โอนไปกว่า 1.6 ล้านบาท

ปัญหาประจำวงการ ผู้ใช้โอนเหรียญ LINK เข้า Smart Contract ซึ่งไม่รองรับเหรียญดังกล่าว เสียทั้งหมดที่โอนไปกว่า 1.6 ล้านบาท
เรื่องสลดประจำวงการ
ท่ามกลางข่าวดีของช่วงขาขึ้นนี้ ยังมีข่าวชวนให้วงการต้องตกตะลึงอยู่เป็นระยะ โดยล่าสุดนี้มีผู้ใช้รายนึงโพสลงในเว็บ Github ถึงกรณีที่ผู้ใช้งานรายหนึ่งได้เผลอโอนเหรียญผิดบัญชี ส่งผลให้เหรียญนั้นหายไปตลอดกาลนั่นเอง โดยกรณีดังกล่าวนี้ไม่ได้พึ่งจะเคยเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการคริปโต มานานแล้วนั่นเอง เนื่องจากเหรียญประเภท ERC-20 นั้นไม่สามารถตรวจสอบก่อนการโอนได้ว่าสามารถรองรับเหรียญประเภทได้บ้าง

การโอนเหรียญผิดบัญชีเกิดขึ้นได้อย่างไร
อย่างแรกผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเหรียญคริปโตนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละเหรียญนั้นต่างมี Chain ของตัวเองและมีพื้นฐานฐานการเขียนโปรแกรมที่แตกต่างกัน กรณีเช่นเหรียญBitcoin นั้นเป็นเหรียญมาตรฐาน ERC-20 ซึ่งเป็นแบบที่มีการใช้งานโดยทั่วไป และไม่ใช่เหรียญที่สามารถเขียน Smart Contract ทับได้อย่าง Ethereum ดังนั้นแล้วการโอนเหรียญข้าม Chian จาก BTC เป็น ETH จึงไม่สามารถทำได้นั่นเอง
นอกจากนี้แล้ว แม้แต่การโอนเหรียญซึ่งเป็น Smart Contract เหมือนกันนั้น หากต้นทางและปลายทางการโอนเหรียญนั้นไม่ได้ถูกโปรแกรมให้สามารถรองรับเหรียญประเภทเดียวกัน กรณีก็ไม่สามารถที่จะโอนเหรียญระหว่างบัญชีดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในหลายครั้งผู้ใช้งานไม่รู้ หรือไม่ได้ตรวสอบบัญชีปลายทางก่อนที่จะโอนเหรียญคริปโตว่าบัญชีดังกล่าวรองรับเหรียญประเภทเดียวกับที่กำลังจะโอนหรือไม่ ดังนั้นเมื่อทำการโอนเหรียญออกจากบัญชีไปแล้ว เหรียญจึงค้างอยู่บนเครือข่ายนั่นเอง
เมื่อเหรียญค้างอยู่บนเครือข่ายแล้ว ด้วยความที่เครือข่ายสำหรับเหรียญคริปโตส่วนใหญ่นั่นเป็น Public Blockchain ซึ่งใช้ระบบ Concensus หรือระบบที่ผู้ใช้ต้องลงคะแนนเสียงในการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของระบบ และไม่มีองค์กรส่วนกลางใดที่สามารถแก้ไขเครือข่ายได้โดยพลการ ดังนั้นเหรียญที่ค้างอยู่บนระบบนั้นจึงไม่สามารถถูกตรวจสอบและแก้ไขกลับคืนได้เลยนั่นเอง
@VitalikButerin, can you hard fork and reverse the transaction to save @D13Kabani's 4000 LINK tokens?
— Nick Mudge 💎 (@mudgen) December 16, 2020
ผู้โชคร้ายในกรณีนี้
ในกรณีล่าสุดนี้คือการที่ผู้ใช้รายหนึ่งโอนเหรียญ LINK จำนวนกว่า 4,005 เหรียญคิดเป็นมูลค่ากว่า 52,800ดอลลาร์หรือราว ๆ หนึ่งล้านหกแสนกว่าบาท จากบัญชีของเขา ไปสู่บัญชี Smart Contract ของเกมAavegotchi บนเครือข่าย DeFi (Decentralized Finance) ทั้งนี้กรณีปรากฎว่าบัญชี Smart Contract ปลายทางดังกล่าวนั้นไม่รองรับเหรียญ LINK ดังนั้นแล้วจึงส่งผลให้เหรียญจำนวนดังกล่าวค้างอยู่บนระบบและไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้อีกตามที่อธิบายไปด้านบนนั่นเอง
