สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำบิทคอยน์ Hash Rate จากการที่จีนแบนการขุดในประเทศ
หลังจากที่มีการปราบปรามการขุดบิทคอยน์ (BTC) ในจีน ประเทศจีนก็ไม่ได้เป็นผู้นำในอัตรา Hash rate อีกต่อไป โดยตำแหน่งผู้นำรายใหม่ตกเป็นของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
หลังจากที่มีการปราบปรามการขุดบิทคอยน์ (BTC) ในจีน ประเทศจีนก็ไม่ได้เป็นผู้นำในอัตรา Hash rate อีกต่อไป โดยตำแหน่งผู้นำรายใหม่ตกเป็นของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
หลังจากที่มีการปราบปรามการขุดบิทคอยน์ (BTC) ในจีน ประเทศจีนก็ไม่ได้เป็นผู้นำในอัตรา Hash rate อีกต่อไป โดยตำแหน่งผู้นำรายใหม่ตกเป็นของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
Hash Rate ของจีนลดลงอย่างน่าตกใจ
แม้ว่าจุดยืนของจีนที่ต่อต้านบิทคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีจะมีอยู่มานานแล้ว แต่ประเทศจีนก็ยังครองแชมป์ Hash rate มาเป็นเวลายาวนาน ก่อนหน้านี้ประเทศได้ดึงดูดนักลงทุนและนักขุดบิทคอยน์เข้ามามากมาย เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่าประเทศอื่น ซึ่งข้อมูลจากของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แสดงให้เห็นว่า ส่วนแบ่งของ Hash rate ของจีนนั้นครองมากกว่า 75% ในช่วงปลายปี 2019 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นโยบายปราบปรามคริปโตของจีนและกฎระเบียบต่าง ๆ เริ่มเข้มงวดมากขึ้น ทางการจีนสั่งให้คนงานเหมืองทั้งหมดหยุดดำเนินการและออกจากประเทศเมื่อต้นปีนี้ ทำให้เหมืองขุด รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี่ต้องเลิกกิจการ และย้ายการดำเนินงานไปยังต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ Hash rate จึงลดลงเรื่อย ๆ และเข้าใกล้ศูนย์แล้ว
จากข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นผู้นำ Hash rate ของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับอนิสงค์จากการแบนคริปโตของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สองของโลกนั่นเอง ซึ่ง Hash rate ของจีนได้ลดลงกว่า 60% ภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น
สหรัฐฯ กลายแชมป์ใหม่แทนที่จีน
การแบนคริปโตเคอร์เรนซีของจีน ทำให้ประเทศอื่น ๆ ได้ประโยชน์มากขึ้น โดยหลังจากที่ส่วนแบ่ง Hash Rate ของจีนลดลง นักขุดจำนวนมากได้ย้ายไปยังประเทศตะวันตก
สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในจุดหมายดังกล่าว ซึ่งครองส่วนแบ่ง Hash rate มากที่สุดที่ 35.4% โดยประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นสองเท่า นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
ประเทศที่มีอัตรา Hash rate สูงอันดับต่อไปคือคาซัคสถาน ซึ่งอยู่ที่ 18.1% รองลงมาคือ สหพันธรัฐรัสเซีย 11.2% และแคนาดา 9.6%