นักวิเคราะห์ชี้! การกลับมาเปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปิดทางให้ คริปโต ETF หนุนตลาดปี 2026
การกลับมาเปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นตัวเร่งให้ SEC เร่งอนุมัติคริปโต ETF จำนวนมากในปี 2026 โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าความต้องการลงทุนผ่านกองทุนลักษณะนี้ยังคง “ล้นหลาม” แม้กระแสเงินไหลออกจาก ETF จะกดดันตลาดในระยะสั้น

การกลับมาเปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นตัวเร่งให้ SEC เร่งอนุมัติคริปโต ETF จำนวนมากในปี 2026 โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าความต้องการลงทุนผ่านกองทุนลักษณะนี้ยังคง “ล้นหลาม” แม้กระแสเงินไหลออกจาก ETF จะกดดันตลาดในระยะสั้น
การยุติการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ และการกลับเข้าสู่การประชุมสภาปกติอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปี 2026 กลายเป็นหนึ่งในปีที่คึกคักที่สุดสำหรับตลาดคริปโต ETF ตามมุมมองของนักวิเคราะห์ ซึ่งมองว่าการกลับมาทำงานของหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) จะช่วยเร่งการอนุมัติผลิตภัณฑ์การลงทุนจำนวนมาก
Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise กล่าวกับ CNBC ว่า ความต้องการ ETF และ ETP ด้านคริปโตถือว่า “มหาศาล” และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เขากล่าวว่าโลกคริปโตอาจได้เห็น “คลื่นใหญ่ของการออกกองทุนใหม่” ทั้งในรูปแบบ ETF รายเหรียญและกองทุนดัชนี ซึ่งเขามองว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะนักลงทุนจำนวนมากต้องการ การลงทุนที่เรียบง่ายและกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์
กองทุน ETF ถูกมองว่าเป็นช่องทางที่ช่วยดึงเม็ดเงินจากตลาดการเงินดั้งเดิมเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนโครงสร้างตลาดคริปโตในช่วงปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากระแสเงินไหลออกกำลังสร้างแรงกดดันต่อราคาในระยะสั้น แม้ความสนใจของนักลงทุนยังไม่ลดลงก็ตาม
คริปโต ETF เผชิญแรงขายต่อเนื่อง
กองทุน XRP ETF ของ Canary Capital (XRPC) เปิดตัวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมปริมาณการซื้อขายวันแรกสูงถึง 58 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นการเปิดตัว ETF ที่โดดเด่นที่สุดของปี 2025 แต่ถึงแม้จะเปิดตัวได้สวย ราคา XRP กลับปรับตัวลงกว่า 13% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงแรงขายและความกลัวของตลาด
กองทุน Bitcoin ETF ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน โดยมีเงินไหลออกกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทำให้เดือนนี้มีแนวโน้มกลายเป็นเดือนที่มีการไหลออกมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเปิดตัว ETF ประเภทนี้
Sean Rose นักวิเคราะห์จาก Glassnode ระบุว่าต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือ Bitcoin ETF อยู่ที่ราว $89,600 ซึ่ง Bitcoin ได้ร่วงลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มขาดทุน
ข้อมูลจาก Eric Balchunas นักวิเคราะห์อาวุโสด้าน ETF ของ Bloomberg เสริมว่า แม้ผู้ถือ Bitcoin ETF จะประคองพอร์ตให้ผ่านวิกฤตในเดือนตุลาคมมาได้ แต่แรงขายในตลาดกลับมาจาก “วาฬ Bitcoin ระยะยาว” ที่ลดการถือครองอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน
ในช่วงหลังจากนั้นไม่นาน ราคาคริปโตก็ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง พร้อมกับการไหลออกจาก ETF ที่ยังไม่สิ้นสุด สะท้อนถึงบรรยากาศที่อ่อนแรงของตลาดในระยะสั้น แม้หลายฝ่ายยังคงเชื่อว่าช่วงปี 2026 กับการกลับมาดำเนินงานเต็มรูปแบบของ SEC อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ที่จะกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนรายใหญ่และรายสถาบันอีกครั้ง
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว








