ข่าวต่างประเทศ

UN เตือนประเทศกำลังพัฒนา อย่าปล่อยให้มีการชำระเงินด้วยคริปโตมากไป

องค์การสหประชาชาติได้ให้คำแนะนำในการร่างนโยบายว่าด้วยการใช้เหรียญคริปโตในประเทศที่กำลังพัฒนาและมีการหารือเกี่ยวกับการชำระเงินด้วย

องค์การสหประชาชาติได้ให้คำแนะนำในการร่างนโยบายว่าด้วยเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลได้มีการหารือเกี่ยวกับการชำระเงินด้วย

เตือนเรื่องการชำระเงินด้วยคริปโต

เช่นเดียวกันทางองค์การระหว่างรัฐบาลได้ออกมาเตือนสภาวะทางการเงินที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในหลาย ๆ ประเทศ เรื่องนี้ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาหรือ UNCTAD ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐในประเทศที่กำลังพัฒนา ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมการใช้เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้น

โดย UNCTAD เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่ได้มีการก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1964 และเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานเลขาธิการขององค์การสหประชาชาติ การประกาศเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่ของ UNCTAD ได้มีเผยให้เห็นว่า ตอนนี้ทั่วโลกเริ่มมีการใช้เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้นนับตั้งแต่ที่โควิด-19 ระบาด รวมไปถึงประเทศที่กำลังพัฒนา ขณะเดียวกันแม้สินทรัพย์ดิจิทัลจะให้ผลตอบแทนนักลงทุนในระดับที่น่าพึงพอใจ หรืออำนวยความสะดวกในเรื่องของการทำธุรกรรม แต่มันเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีเสถียรภาพและนำมาซึ่งความเสี่ยงในเรื่องของต้นทุนที่อาจต้องแบกรับจำนวนมาก

อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน

เช่นกันองค์การระหว่างรัฐบาลได้มีการระบุว่า หากว่าเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่มีการใช้ในการชำระเงินเป็นวงกว้างมากขึ้น หรือแม้แต่ถูกนำมาแทนที่สกุลเงินในประเทศนั้นอย่างไม่เป็นทางการ อาจทำให้เป็นภัยต่อเสถียรภาพทางการเงินในประเทศนั้น ๆ ก็ได้ รวมไปถึงเป็นช่องโหว่ในการที่ทำให้ใครสักคนหนึ่งสามารถเลี่ยงภาษีจากการทำธุรกรรมด้วยวิธีการแบบนี้ และเป็นเรื่องยากต่อการติดตามตรวจสอบตรงส่วนนี้ และด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการควบคุมเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ให้อยู่ในกรอบของกฎการเงินมากขึ้น

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

รายงาน ก.ล.ต. สรุปภาพรวมบัญชีซื้อขายที่ Active ในช่วงต้นเดือน 'เมษายน' ปี 2567
ตลาด Altcoin มีโอกาสเสี่ยงถูกปรับฐาน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ซีอีโอ Crypto.com ชี้! Bitcoin กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่ช่วงขาขึ้น
 วาฬหน้าใหม่ ครอบครอง Bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1.8 ล้าน BTC