ข่าว Bitcoin

Dan McArdle สรุป! 5 วิกฤติร้ายแรง ที่ทำ Bitcoin เกือบไม่รอด!

Max Template (50)

Dan McArdle ผู้บริหาร Messari ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ 'Break Down' เล่าให้ฟังถึง 5 เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจนทำให้ Bitcoin เกือบไม่รอด!

นักวิเคราะห์บิทคอยน์รุ่นแรกอย่าง Dan McArdle ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ Break Down เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน

Dan McArdle เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Messari บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและวิจัยการลงทุนในคริปโตฯ ที่เข้ามาในวงการคริปโตตั้งแต่ปี 2011 และได้เห็นวิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดคลิปโตมาหลากหลายครั้ง โดยเขาให้สัมภาษณ์ในรายการ The Break Down โดย Dan McArdle ได้กล่าวถึง 5 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเกือบทำให้บิทคอยน์หายไป

วิกฤติครั้งที่ 1 - Mt.Gox เว็บเทรดอันดับ 1 ถูก Hack

เกิดขึ้นในปี 2011 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดฟองสบู่ในราคาบิทคอยน์ ช่วงนั้นบิทคอยน์ยังเป็นอะไรที่ใหม่ และยังเป็นที่พูดกันในกลุ่มเล็กๆเท่านั้น แต่เมื่อราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจจาก 2 ดอลลาร์ต่อเหรียญขึ้นเป็น 32 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับเหรียญเงิน 1 ออนซ์

แต่หลังจากนั้น ในวันที่ 19 มิถุนายนปี 2011 กระดานเทรด Mt.Gox ที่เป็น Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้นออกมาประกาศว่าได้มีแฮกเกอร์ทำการแฮกเข้าบัญชีของผู้ใช้หลายร้อยบัญชีและขโมยบิทคอยน์ไปหลายล้านดอลลาร์

และในวันเดียวกันนั้นเองที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลงมา 99% จนเหลือเพียง 1 เพนนี โดยบางแหล่งข่าวกล่าวว่าเป็นฝีมือแฮกเกอร์ที่เป็นคนเข้าไปเปลี่ยนราคาใน Mt.gox เพื่ออาศัยจังหวะนี้ซื้อเหรียญในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง

<i>กระดานเทรด MT.GOX<br>รูปภาพ: BeIncrypto</i>
กระดานเทรด MT.GOX
รูปภาพ: BeIncrypto

วิกฤติครั้งที่ 2 - ราคาร่วง 80% ใน 2 วัน

ในปี 2013 บิทคอยน์เริ่มเป็นที่รู้จักออกไปในวงกว้างและมีการพูดถึงกับอย่างล้นหลามในสื่อกระแสหลัก จนทำให้ราคาของบิทคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้นจาก 10 ดอลลาร์ ไปแตะที่ 266 ดอลลาร์ มีออร์เดอร์เข้าซื้อมากจนกระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนั้นอย่าง Mt.Gox ยังไม่สามารถรับมือได้ และเหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาจากเกือบ 260 ดอลลาร์เหลือ 50 ดอลลาร์ จากปัญหาหลายๆ อย่างขณะนั้น รวมไปถึงจาก Mt.Gox ด้วยเช่นกัน

อ่านข่าวต่อ - Bitcoin hits new high before losing $160 in value in one day - The Guardian (9 ปีที่แล้ว)

<i>&nbsp; ราคา Bitcoin 2014<br>รูปภาพ: Tradingview</i>
  ราคา Bitcoin 2014
รูปภาพ: Tradingview

วิกฤติครั้งที่ 3 - Mt.Gox ล้มละลาย, จีนเริ่มดำเนินการ 'ฆ่า Bitcoin'

เกิดขึ้นหลังจากวิกฤติครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน เมื่อวันที่ 3 ธันวา ปี 2013 บิทคอยน์ทำราคาสูงสุดในเป็นประวัติศาสตร์ที่ 1,151.17 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ แต่ข่าวดีได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อในปลายเดือนเดียวกับที่ที่บิทคอยน์พุ่ง ทางการจีนได้ประกาศแบนห้ามไม่ให้ธนาคารในกลางจีนถือครองสินทรัพย์ใดๆ ทำให้ราคาบิทคอยน์หล่นลงมาเกินครึ่ง

หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 กระดานเทรด Mt.Gox ก็ได้ระงับการถอนเหรียญออกจากแพลตฟอร์ม และยื่นล้มละลายในที่สุด หลักจากนั้นได้มีข้อมูลออกมาว่า Mt.Gox ถูกแฮกเกอร์ขโมยเหรียญบิทคอยน์ไปเป็นจำนวนถึง 650,000 ตลอดระยะเวลาหลายปี

<i>MT.Gox ล้มละลาย<br>รูปภาพ: The Verge</i>
MT.Gox ล้มละลาย
รูปภาพ: The Verge

วิกฤติครั้งที่ 4 - Mining Death Spiral

จากวิกฤติครั้งที่ 3 ทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงมาเรื่อยๆ จนในปี 2015 เริ่มมีความกังวลที่หากราคายังคงร่วงต่อไปจะทำให้นักขุดบิทคอยเริ่มขาดทุนจากผลตอบแทนที่น้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการขุดและตัดสินใจเลิกขุดบิทคอยน์ไปในที่สุด ความกลัวในครั้งนั้น Dan McArdle เรียกมันว่า mining death spiral ซึ่งจากความกังวลครั้งนี้เองที่ทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงหนักว่าเดิมจนเหลือ 152 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์

<i>การขุดบิทคอยน์ในปี 2015<br>รูปภาพ:&nbsp;Wikimedia Commons</i>
การขุดบิทคอยน์ในปี 2015
รูปภาพ: Wikimedia Commons

วิกฤติครั้งที่ 5 - COVID-19

เป็นวิฤติที่เราทุกคนต่างรู้จักเป็นอย่างดีในชื่อ COVID-19 ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสไปทั่วโลกจนทำให้เศรษฐกิจของหลายประเทศถึงคราวชะงัก ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหนักไม่เว้นแม้แต่บิทคอยน์ จากระดับ 10,000 ลงไปถึง 4,000 ดอลลาร์ภายในไม่ถึงสองวัน Dan McArdle กล่าวว่าวิกฤติครั้งนี้ทำให้หลายคนมองว่า Bitcoin นั้นไม่ใช่สินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้

<i>ราคาบิทคอยน์ช่วงเกิด COVID-19 ในปี 2020<br>รูปภาพ: Bitcoin volatility</i>
ราคาบิทคอยน์ช่วงเกิด COVID-19 ในปี 2020
รูปภาพ: Bitcoin volatility

บิทคอยน์ไม่ใช่ผู้ร้าย

Dan McArdle กล่าวว่าเขาไม่ชอบที่ทุกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติ จะผู้คนออกมาประณามบิทคอยน์ว่าไม่ใช่สินทรัพย์ที่ป้องกันภาวะเงินเฟ้อ เพราะผิดว่ามุมมองที่ถูกต้องที่สุดสำหรับบิทคอยน์คือสินทรัพย์ที่จำเป็นในยามที่พวกเราเริ่มสงสัยต่อความปลอดภัยของธนาคารกลางหรือความผิดปกติของระบบสกุลเงินในประเทศ

ในช่วงสุดท้ายเขา Dan พูดถึงมุมมองของเขากับวิกฤติ FTX ว่าสิ่งที่เกิดครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับ วิกฤติที่เกิดขึ้นในครั้งที่สาม เนื่องจากการล่มสลายของ FTX นั้นคล้ายกับเหตุการณ์ล้มละลายของ Mt.Gox ที่เคยเป็นกระดานเทรดอันดับหนึ่งเช่นกัน แต่ในกรณีของ FTX นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายมากกว่า

เขากล่าวว่าเหตุการณ์วิกฤติที่ผ่านมานั้นล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการโดนโจมตีจากแฮกเกอร์หรือเกิดความไม่โปร่งใสในตัวผู้ให้บริการกระดานเทรด ปัญหาทั้งหมดล้วนมีเกิดขึ้นโดยมีกลไกที่ไม่ต่างจากในอดีตเท่าไหร่นัก เพียงแต่ความเสียหายที่เกิดครั้งนี้ใหญ่กว่าในอดีตมาก สิ่งทำให้คริปโตไม่น่าเชื่อถือไม่ได้มาจากบิทคอยน์หรือระบบบล็อกเชน แต่เป็นผู้ที่พยายามหาประโยชน์อย่างผิดๆจากกลไกเหล่านั้นต่างหาก พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าบิทคอยน์ยังไม่ตาย

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bybit กลับมาดำเนินการถอนเงินได้ตามปกติ หลังถูกแฮกมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
บราซิลอนุมัติ Spot XRP ETF เป็นครั้งแรก! ขณะธนาคารท้องถิ่นเตรียมเปิดตัว StableCoin บน XRPL
นักวิเคราะห์ เผย! การรับรองคำขอ Spot XRP ETF ของ SEC อาจเร่งให้ XRP พุ่งแตะ $6
นักวิเคราะห์คว้ารางวัลจาก Arkham หลังเป็นผู้ที่่ระบุว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ็ก Bybit มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์