เตรียมแซง BTC! The Merge จะเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ Ethereum แซงหน้า Bitcoin
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ใกล้จะเกิดขึ้นของ Ethereum อาจจะทำให้สกุลเงินดิจิทัลอันดับที่ 2 กลายเป็นสิ่งที่หายากกว่า Bitcoin
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ใกล้จะเกิดขึ้นของ Ethereum อาจจะทำให้สกุลเงินดิจิทัลอันดับที่ 2 กลายเป็นสิ่งที่หายากกว่า Bitcoin
Vivek Raman นักวิจัยผู้มีความหลงไหลใน Ethereum เชื่อว่า “การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ของ Ethereum (ETH) ที่จะเปลี่ยนระบบการทำงานจาก PoW ไปเป็น PoS จะทำให้ ETH สามารถทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในตลาดและอาจจะสามารถพลิกแซงหน้า Bitcoin (BTC) ได้
Ethereum แซงหน้า Bitcoin
Raman กล่าวว่า “จากมุมมองทางเศรษฐกิจ การมาถึงของ The Merge จะทำให้ Ethereum ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านอุปทานที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยผลักดันมูลค่าของสินทรัพย์อันดับที่ 2 และเป็นการเพิ่มโอกาสในการพลิกแซง Bitcoin”
Raman เสริมอีกว่า “หลังจากการอัปเกรด The Merge สกุลเงินดิจิทัลอันดับที่ 2 อย่าง Ethereum จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า Bitcoin ไม่เพียงเท่านั้น ค่าธรรมเนียมของการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum ก็จะถูกลงอีกด้วย ส่งผลให้ Ethereum จะเข้าสู่สภาวะเงินฝืดได้เร็วกว่า ในขณะที่ Bitcoin จะยังคงต้องเจอกับอัตราเงินเฟ้อต่อไป แม้ว่าทุกๆ การ Bitcoin Halving จะช่วยลดการสร้าง Bitcoin ลงจำนวนครึ่งหนึ่งก็ตาม"
The Merge ที่กำลังจะมาถึง
The Merge เป็นการอัปเกรดเครือข่ายที่ชุมชนของสกุลเงินอันดับที่ 2 รอคอยมาอย่างยาวนาน การอัปเกรดในครั้งนี้จะทำให้ Ethereum เปลี่ยนกลไกการทำงานจาก Proof-of-Work เป็นระบบ Proof-of-Stake ได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2022 ไม่เพียงเท่านั้น The Merge จะเข้ามายกระดับนโยบายทางการเงินของ Ethereum โดยลดอุปทานทั้งหมดของ ETH ลง 90% และทำให้เครือข่ายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
Raman กล่าวถึง Ethereum ว่าจะยังคงมี “พื้นที่สำหรับการยอมรับที่ใหญ่ขึ้น” และจะกลายเป็นเลเยอร์พื้นฐานของระบบเศรษฐกิจการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ในขณะที่ Bitcoin ก็จะยังคงทำหน้าที่เป็นทองคำดิจิทัลต่อไป
อย่างไรก็ตาม The Merge จะไม่ได้เป็นการอัปเกรดที่จะลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงของ Ethereum ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Ethereum ไม่สามารถปรับขนาดได้ โดย Raman กล่าวว่า Ethereum จะใช้โซลูชันการปรับขนาดเลเยอร์ 2 เพื่อรองรับกิจกรรมของผู้ใช้ส่วนใหญ่
“ผู้ใช้จำเป็นต้องเรียนรู้ว่ากิจกรรมทั้งหมดของพวกเขาควรอยู่บน Layer2 และจะใช้ Ethereum ซึ่งเป็น Layer1 สำหรับการชำระบัญชี ความปลอดภัย และการกระจายอำนาจ”