ข่าว Bitcoin

Taproot การอัพเกรดล่าสุดของบิตคอยน์ใช้งานได้แล้ว!

Btc Relampago.png

เครือข่าย Bitcoin เพิ่งเปิดใช้งาน Taproot ซึ่งเป็นหนึ่งในการอัพเกรดครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งการอัพเกรดครั้งนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่อง scaling ของบิตคอยน์นั่นเอง

เครือข่าย Bitcoin เพิ่งเปิดใช้งาน Taproot ซึ่งเป็นหนึ่งในการอัพเกรดที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 การอัปเดตครั้งล่าสุดคือ Segregated Witness หรือที่เรียกว่า "SegWit" ซึ่งมีการเข้าร่วมระบบเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ไขปัญหาด้าน scaling ของบิตคอยน์

https://twitter.com/BTC_LN/status/1459751934290653184?ref_src=twsrc^tfw|twcamp^tweetembed|twterm^1459751934290653184|twgr^|twcon^s1_c10&ref_url=https://ambcrypto.com/taproot-bitcoins-latest-upgrade-is-now-live/

Taproot ของบิตคอยน์คืออะไรกันแน่?

Taproot เป็น soft fork สำหรับเครือข่ายบิตคอยน์ ซึ่งจะปรับปรุงความสามารถด้าน scripting และความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีการเปิดใช้งานสิ่งที่เรียกว่า Merkelized Abstract Syntax Tree (MAST) อีกด้วย

“MAST สามารถช่วยให้สัญญาอัจฉริยะ (smart contract) มีประสิทธิภาพ และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้วยการเปิดเผยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องของสัญญาเมื่อมีการใช้จ่าย”

“[MAST] can help make smart contracts more efficient and private by only revealing the relevant parts of the contract when spending.”

การอัพเกรดจะเพิ่มบางสิ่งที่เรียกว่า Schnorr signatures ซึ่งทำให้ธุรกรรมแบบหลายลายเซ็นไม่สามารถอ่านได้ จากรายงานของ Alejandro De La Torre เผยว่า การเปิดใช้งานนี้มาจากฉันทามติจากผู้ขุด 90% และกลุ่มของนักขุด (mining pool) ระหว่างบล็อก 709,488 และ 709,632

การเติบโตของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เห็นได้จากมูลค่าเงินที่ล็อคไว้ในโปรโตคอล (TVL) ที่พุ่งขึ้นถึงเกือบ 100 พันล้านดอลลาร์ ทำให้บิตคอยน์ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ แม้ว่าจะใช้เป็นตัวเก็บมูลค่าได้ (store of value) แต่การขาดความสามารถในการตั้งโปรแกรมของบิตคอยน์ย่อมไม่ใช่เรื่องดี

Tapscript ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมของ Taproot จะพยายามแก้ไขปัญหานี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับภาษาโปรแกรมของ Ethereum Virtual Machine แต่ก็ล้ำหน้ากว่า scripting ดั้งเดิมที่อยู่ในเครือข่าย Bitcoin ในปัจจุบันมาก 

สงครามเรื่องขนาดบล็อกได้นำไปสู่การ hard fork ของบิตคอยน์ในที่สุด เพราะบางคนคิดว่าวิธีเดียวที่ BTC จะแก้ปัญหาเรื่องขนาดบล็อกได้คือ การทำให้บล็อกสามารถมีข้อมูลมากขึ้น เพื่อให้โปรโตคอลจัดการกับความเร็วในการทำธุรกรรมได้มากขึ้น ซึ่งถ้าบล็อกมีขนาดใหญ่เกินไป จะเป็นการสร้างอุปสรรคในการเข้าสู่ตัวดำเนินการโหนด และทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งนำไปสู่การควบคุมเครือข่ายจากส่วนกลางโดยผู้ที่สามารถรักษาข้อมูลจำนวนมากได้

เครือข่ายบิตคอยผ่านการ hard fork และ soft fork ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนมากมาย อย่างไรก็ตาม การอัพเกรดในปัจจุบันไม่สามารถปรับปรุงเรื่องความสามารถและความเป็นส่วนตัวของเครือข่ายได้ในชั่วข้ามคืน แต่จะใช้เวลาเล็กน้อย แต่สิ่งนี้จะสร้างประโยชน์ต่อไปอีกหลายปีนับจากนี้

Screenshot 2021 11 14 at 10.52.30 1024x461.png

การอัพเกรดครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดของ Bitcoin คือการอัพเกรด Segwit ในเดือนสิงหาคมเมื่อปี 2017 ในเวลานั้นราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ 4000 ดอลลาห์เท่านั้น ใจากนั้นราคาก็พุ่งขึ้นสู่ระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเวลาเพียงสี่เดือน

ในขณะที่เขียน ราคา BTC/USDT ซื้อขายอยู่ที่ 64,562 ดอลลาห์ โดยเพิ่มขึ้น 1.2% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งจากการอัพเกรดดังกล่าว

Screenshot 2021 11 14 at 10.50.53 1024x757.png
ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bitcoin อาจราคาพุ่งก่อนปรับฐาน หากสหรัฐฯ อนุมัติกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ
Ham's Rectangle Template   2024 12 10 T173224.361
Binance ดึงดูดเงินฝากทะลุ 24 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 จากฐานผู้ใช้ 250 ล้านคนทั่วโลก!
MARA Holdings ซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 1.1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมสร้างสถิติใหม่ด้วยกำลังขุดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม