ผลสำรวจแนะอยากรวยโดยไม่ต้องพึ่งมรดกให้เลือกคริปโต

บริษัท Startup ผู้ให้บริการที่เน้นวิเคราะห์ข้อมูลด้านความมั่งคั่งอย่าง Wealth-X ได้เปิดเผยรายงานผลการสำรวจลักษณะเฉพาะของพฤติกรรมการลงทุนสินทรัพย์คริปโตของเศรษฐีจากทั่วโลกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากการรวบรวมฐานข้อมูลภายในองค์กร Wealth-X รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูล และวิจัยบุคคลที่มีความร่ำรวย เมื่อเดือนมกราคม ปี 2022 ที่ผ่านมา มาดูกันดีกว่าว่าผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นว่า “อยากรวยให้เลือกคริปโต” นั้นจะเป็นจริงได้หรือไม่

เศรษฐีส่วนใหญ่รวยเพราะลงทุนคริปโต

Wealth-X ได้ดำเนินการสำรวจเศรษฐีทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มที่ 1 จะเป็นเศรษฐีผู้ประกอบการ หรือ นักลงทุนที่ถือครองคริปโต, กลุ่มเศรษฐีที่ให้ความสนใจในคริปโต และกลุ่มเศรษฐีทั่วไป ซึ่งจากผลการสำรวจของทางบริษัทได้บ่งชี้ว่าเจ้าของบริษัทคริปโต หรือ นักลงทุนคริปโตที่ร่ำรวยได้ด้วยความพยายามของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งมรดก หรือ สินทรัพย์เดิมที่ตนเองมีอยู่นั้นมีมากถึง 94% ในขณะที่ ข้อมูลของกลุ่มเศรษฐีที่ให้ความในใจในการลงทุนคริปโตนั้นร่ำรวยได้จากความพยายามของตนเองมีอัตราส่วนอยู่ที่ 88.6% มีเพียง 0.5% เท่านั้นที่เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยจากมรดกของตนเอง นอกจากนี้ในกลุ่มเศรษฐีทั่วไปนั้นพบว่ากว่า 84% ร่ำรวยมาจากการสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง

นักวิเคราะห์ย้ำชัดอยากรวยให้เลือกคริปโต

นอกเหนือจากนั้นแล้ว นักวิเคราะห์จาก Wealth-X ยังได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่ร่ำรวยด้วยตนเองมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคริปโตมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ แม้ว่าสินทรัพย์ประเภทนี้จะมีความเสี่ยง และผันผวนอย่างมากก็ตาม เนื่องจากรายได้ที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมานั้นต่างก็เกิดขึ้นจากการลงทุนคริปโตทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผู้ที่ร่ำรวยจากมรดกของตนเองจะแทบไม่มีบทบาทในการเป็นผู้ประกอบการ หรือ นักลงทุนที่ถือคริปโต

ตัวอย่างมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเพราะคริปโต

อุตสาหกรรมคริปโตได้สร้างเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกขึ้นมาหลายรายด้วยกัน โดย Sam Bankman-Fried ซีอีโอแห่ง FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชื่อดังเองก็เป็นหนึ่งให้เศรษฐีรายใหม่ที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes นอกจากนี้เขายังได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งพร้อมเปิดเผยว่ารายได้สุทธิของเขานั้นพุ่งทะลุเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไปได้ภายในเวลาเพียงแค่ 3 ปีของการลงทุนคริปโตเท่านั้น

นอกจากนี้ Changpeng Zhao มหาเศรษฐีอีกหนึ่งรายที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้เพราะความสนใจ และความหลงใหลที่มีต่อตัวสินทรัพย์ดิจิทัลของเขา จนได้กลายมาเป็นซีอีโอแห่งแพลตฟอร์มรายใหญ่อย่าง Binance และทำให้ปัจจุบัน CZ ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่อันดับ 11 ของโลกเบียด Ambani ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียให้ร่วงไปอยู่อันดับที่ 12 เป็นที่เรียบร้อย

เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ

แม้ว่าการลงทุนคริปโตอาจช่วยนำพาให้บุคคลธรรมดา กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านได้ในชั่วพริบตาก็ตาม แต่ทว่าหากคิดจะเลือกลงทุนโดยไม่รับรู้ถึงผลเสีย หรือ ความเสี่ยงที่อาจตามมาได้ในภายหลัง ก็อาจจะทำให้คุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสูญเสียอย่างมหาศาลได้ด้วยเช่นเดียวกัน

นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 เป็นต้นมา นักลงทุนคริปโตหลายรายต้องตกเป็นเหยื่อของเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่มักจะแฝงตัวเข้ามาในคราบของเว็บไซต์ปลอม หรือ การเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งกรณีตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ทาง Crypto.com แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ ได้ออกมาประกาศหยุดให้บริการฝาก และถอนเงิน เนื่องจากถูกแฮ็กเกอร์เจาะบัญชีบนแพลตฟอร์ม พร้อมทั้งขโมยเหรียญ Ether (ETH) และสกุลเงินอื่น ๆ ไปอย่างน้อย 400 บัญชีด้วยกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจจาก Chainalysis ยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงการก่ออาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ครั้งยิ่งใหญ่จากกองกำลังไซเบอร์แดนเกาหลีเหนือ หลังเกิดการบุกเจาะระบบแพลตฟอร์มคริปโตทั่วโลกกว่า 7 ครั้ง จากเดิมที่จะเกิดขึ้นแค่เพียง 4 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้แฮ็กเกอร์กลุ่มดังกล่าวยังสามารถเพิ่มมูลค่าของเงินที่ขโมยไปได้มากถึง 40% อีกด้วย แม้ว่าจะยังไม่ทราบถึงสาเหตุของการก่อคดีอย่างแน่ชัดก็ตาม แต่ทว่าทางสหประชาชาติ (UN) ก็ได้ออกมาคาดการณ์ว่ากองกำลังเกาหลีเหนืออาจขโมยเงินเหล่านี้เพื่อนำไปใช้สนับสนุนโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มอำนาจ และหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรอย่างแน่นอน