Tether เปิดตัวเหรียญ USAT ดอลลาร์ดิจิทัลใหม่ ตั้งอดีตที่ปรึกษาของ Trump นั่งเก้าอี้ CEO
Tether เปิดตัวเหรียญดอลลาร์ดิจิทัลใหม่ “USAT” ภายใต้กฎหมาย GENIUS Stablecoin Bill และแต่งตั้ง Bo Hines อดีตที่ปรึกษาคริปโตของทำเนียบขาว ขึ้นเป็น CEO

Tether เปิดตัวเหรียญดอลลาร์ดิจิทัลใหม่ “USAT” ภายใต้กฎหมาย GENIUS Stablecoin Bill และแต่งตั้ง Bo Hines อดีตที่ปรึกษาคริปโตของทำเนียบขาว ขึ้นเป็น CEO
Tether ผู้ให้บริการ Stablecoin รายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศเปิดตัว USAT เหรียญดอลลาร์ดิจิทัลรุ่นใหม่ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐฯ พร้อมแต่งตั้ง Bo Hines อดีตที่ปรึกษาด้านคริปโตของทำเนียบขาว สมัยประธานาธิบ Donald Trump เข้ารับตำแหน่ง CEO
เหรียญ USAT จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับ กฎหมาย GENIUS Stablecoin Bill ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบเมื่อไม่นานนี้ โดยใช้แพลตฟอร์ม Hadron ของ Tether ในการเชื่อมต่อกับสินทรัพย์จริง (Real-World Asset Tokenization)
CEO คนปัจจุบันของ Tether Paolo Ardoino กล่าวย้ำว่า “Tether เป็นหนึ่งในผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นในพลังของดอลลาร์สหรัฐ USAT จึงเป็นคำมั่นสัญญาที่เราจะทำให้ดอลลาร์ไม่เพียงคงความเป็นมหาอำนาจในโลกดิจิทัล แต่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของ Stablecoin รวมกันทะลุ 270,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ RWA.XYZ ทำให้ Stablecoin กลายเป็น ประเด็นทางยุทธศาสตร์ระดับโลก ทั้งในสหรัฐ จีน และประเทศอื่นๆ
จากทำเนียบขาวสู่สมรภูมิ Stablecoin
Bo Hines เพิ่งลาออกจากตำแหน่งสภาที่ปรึกษาด้านคริปโตของทำเนียบขาว เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันหลังทำเนียบขาวเผยแพร่รายงาน “Strengthening American Leadership in Digital Financial Technology” ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของ Stablecoin ต่ออนาคตการเงินของสหรัฐฯ
การเข้ามารับตำแหน่งที่ Tether สะท้อนว่าบุคลากรระดับนโยบายของรัฐกำลังโยกเข้าสู่ภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการแข่งขันในตลาด Stablecoin ที่ร้อนแรงมากขึ้น
ในมุมมองของกระทรวงการคลังสหรัฐ Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการฯ เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคมว่า Stablecoin คือ เครื่องมือในการรักษาอำนาจดอลลาร์ (Dollar Hegemony) เพราะเปิดทางให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงเงินดอลลาร์ได้ง่ายขึ้นผ่านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล
Stablecoin อาวุธทางการเงินยุคใหม่
นักวิเคราะห์ชี้ว่า Stablecoin ไม่ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเก็งกำไร แต่เป็นอาวุธทางการเงินระดับภูมิรัฐศาสตร์ เพราะผู้ออกเหรียญสามารถนำเงินสำรองไปซื้อหนี้รัฐบาล ของประเทศที่เป็นผู้ออกสกุลเงินนั้นๆ ได้ สิ่งนี้เปิดโอกาสให้รัฐบาลมีพื้นที่ทางการคลังเพิ่มขึ้น ในการกระจายเงินและรับมือกับแรงกดดันเงินเฟ้อ
ขณะที่ฮ่องกงเพิ่งเปิดตัวกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อดึงดูดให้สถาบันการเงินออกเหรียญ Stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวน ด้านรัสเซียก็แสดงความกังวล โดยที่ปรึกษาใกล้ชิดประธานาธิบดี Vladimir Putin ถึงขั้นกล่าวหาสหรัฐฯ ว่ากำลังใช้ Stablecoin เป็นเครื่องมือ ลดมูลค่าหนี้ภาครัฐของตัวเอง
การเปิดตัว USAT จึงไม่ใช่แค่การออกเหรียญใหม่ของบริษัทเอกชน แต่ยังสะท้อนถึง ทิศทางเชิงนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการรักษาความเป็นผู้นำทางการเงินโลกผ่าน Stablecoin
และเมื่ออดีตผู้กำหนดนโยบายในทำเนียบขาวอย่าง Bo Hines เข้ามาเป็น CEO ของ USAT นั่นยิ่งตอกย้ำว่า สงคราม Stablecoin ระหว่างประเทศกำลังทวีความเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว