Square เปลี่ยนชื่อเป็น Block เนื่องจากต้องการโฟกัสไปที่บล็อกเชน
ข่าวการเปลี่ยนชื่อจาก Square ไปเป็น Block เกิดขึ้น 48 ชั่วโมง หลังจากที่ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Twitter ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยชื่อใหม่จะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม
ข่าวการเปลี่ยนชื่อจาก Square ไปเป็น Block เกิดขึ้น 48 ชั่วโมง หลังจากที่ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Twitter ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยชื่อใหม่จะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม
ประเด็นสำคัญ
- Square ได้ทำการรีแบรนด์บริษัท โดยเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “Square” ของเขาเป็น “Block”
- การรีแบรนด์ครั้งนี้จะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม
- ข่าวนี้เกิดขึ้น 48 ชั่วโมง หลังจากที่ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Twitter ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
- Block จะมุ่งเน้นเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์โดยเฉพาะ
การที่ Square บริษัทชำระเงินดิจิทัลประกาศได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Block ดูเหมือนว่าจะหันไปมุ่งเน้นเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างจริงจังมากขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นเป็นทางการจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคมนี้
จากทวีตเมื่อวันพุธ Square กล่าวว่า การรีแบรนด์จะมีการรวมบริษัทชำระเงินเข้ากับ Cash App แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ (BTC) แบบกระจายอำนาจ tbDEX และ Tidal แพลตฟอร์มสตรีมเพลงและวิดีโอ รายงานได้เผยว่า Square Crypto ซึ่งเป็นสาขาที่มุ่งเน้นไปที่สกุลเงินดิจิทัลของบริษัทการชำระเงิน จะเปลี่ยนชื่อเป็น “Spiral” และเข้าร่วมในธุรกิจ Block นี้ด้วย
การรีแบรนด์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองวัน หลังจากที่ Jack Dorsey ซีอีโอลาออกจากตำแหน่งที่ Twitter โดยอ้างว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่ง Parag Agrawal ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและสมาชิกคณะกรรมการ ได้รับตำแหน่งต่อจาก Dorsey หลายคนคาดการณ์ว่านาย Dorsey จะมุ่งเน้นไปที่คริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเขนมากขึ้นผ่านการดำเนินงานของ Square ในลักษณะเดียวกับที่ Facebook หันเหความสนใจจากโซเชียลมีเดียด้วยการรีแบรนด์เป็น Meta
Jack Dorsey กล่าวว่า แม้จะเป็นชื่อใหม่ แต่จุดประสงค์ในการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราจะยังคงสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงเศรษฐกิจ”
Jack Dorsey เป็นหนึ่งในนักธุรกิจรายใหญ่ที่มีจุดยืนสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างมาก และการเคลื่อนไหวของเขาในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาเชื่อว่ามีศักยภาพในการขยายธุรกิจและการเติบโตไปกับ Square มากกว่า Twitter และด้วยความศรัทธาในเทคโนโลยีบล็อคเชนของเขา ทำให้เรื่องนี้น่าจับตามอฃ