การยอมรับคริปโตเพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนสิงคโปร์

ในขณะที่สิงคโปร์ยังคงเดินหน้าส่งเสริมให้เกิดการยอมรับคริปโตเพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างเต็มกำลัง ทางด้านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ได้รับใบอนุญาตรายแรกของประเทศอย่าง Independent Reserve ก็ได้ออกมาสำรวจกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเพื่อศึกษาให้เข้าใจถึงศักยภาพพื้นฐานของตลาดที่ถูกกำกับดูแล

ชาวสิงคโปร์ให้การยอมรับคริปโตเป็นสินทรัพย์แห่งโลกอนาคต

ผลสำรวจจากแพลตฟอร์ม Independent Reserve สัญชาติสิงคโปร์พบว่าโอกาสทางการเงินที่หลากหลายเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากนำระบบ DeFi และการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ เข้ามาใช้ ทางด้าน Raks Sondhi กรรมการผู้จัดการแห่ง Independent Reserve ในประเทศสิงคโปร์ ได้ออกมาอธิบายว่าตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่น และความมั่นใจต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต จึงส่งผลให้เกิดการยอมรับในตัวสินทรัพย์ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดย 58% ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามชาวสิงคโปร์มองว่า Bitcoin (BTC) เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนในระยะยาว

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ร่วมทำแบบทดสอบมากกว่าครึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ประชาชนแต่ละคนจะแนะนำการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีให้กับเพื่อน และครอบครัวของพวกเขา โดยในปี 2021 นักลงทุนเกือบ 60% ในสิงคโปร์เชื่อมั่นว่าศักยภาพของคริปโตนั้นสามารถช่วยให้ผู้คนหันมายอมรับสินทรัพย์ประเภทนี้กันเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม 15% ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามในปีนี้เริ่มหันมาพิจารณาให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบของเงินสดมากขึ้นอีกด้วย

7 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนให้การยอมรับคริปโตเพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน ทางแพลตฟอร์มยังได้เดินหน้าสำรวจถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวสิงคโปร์ที่มีต่อตลาดในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน โดยผลสำรวจได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ ความชัดเจนในการออกกฎหมายของรัฐบาล, การเรียนรู้ และศึกษาเกี่ยวกับวิธีการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล, องค์กรใหญ่ ๆ เริ่มหันมาใช้คริปโต, ความเสถียรของราคา, ทางเลือกที่ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าสามารถเข้าถึงได้ง่าย และไม่ได้ถูกตรวจสอบ เป็นต้น

ผลสำรวจในประเด็นดังกล่าวได้บ่งชี้ว่า นักลงทุนชาวสิงคโปร์ให้ความเชื่อมั่นกับตลาดคริปโตในประเทศด้วยปัจจัยความชัดเจนในการออกกฎหมายของทางรัฐบาลมากที่สุด ในขณะเดียวกัน นักลงทุนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะลงทุนในคริปโตมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ

สำหรับเสถียรภาพด้านราคาของสินทรัพย์ดิจิทัล และการศึกษานั้นกลายเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์หันมาลงทุนในตลาดคริปโตอย่างมาก แม้ว่าพวกเขายังมีความกังวลต่อตัวสินทรัพย์ก็ตาม แต่ทว่าความสนใจที่มีต่อคริปโต และความสนใจที่จะหันมาซื้อขายสินทรัพย์เหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากผู้ร่วมทำแบบสอบถาม 47% วางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอคริปโตของเขาในอีก 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้แล้ว ทาง Independent Reserve ยังได้เน้นย้ำว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 18 – 25 ปี มีแนวโน้มกระจายตัวเข้าไปลงทุนในตลาด DeFi หรือ NFT มากที่สุดอีกด้วย

แม้สิงคโปร์จะไฟเขียวให้คริปโต แต่ธนาคารกลางยังคงคุมเข้ม

ในช่วงที่ผ่านมา สิงคโปร์พยายามผลักดันให้ประเทศกลายเป็นศูนย์รวมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ทว่ากลับมีการออกกฎหมายคุมเข้มตลาดคริปโตที่เพิ่มดีกรีความเข้มงวดจากเดิมไปมากเลยทีเดียว จะเห็นได้จากล่าสุด ทางรัฐบาลของประเทศไฟเขียวอนุมัติให้ร่างกฎหมายควบคุมผู้ให้บริการด้านคริปโตได้ไปต่อ โดยมอบอำนาจทางกฎหมายแก่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore - MAS) ในการเข้ากำกับดูแลบริษัทคริปโตที่ดำเนินการในต่างแดนเพิ่มเติม ตามรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยว่ากฎหมายที่ออกมาล่าสุดนั้นจะเป็นตัวกำหนดให้ธุรกิจคริปโตที่ดำเนินการอยู่ในต่างประเทศได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของนโยบายด้านการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism: AML/CFT) ได้นั่นเอง ทางด้าน Alvin Tan หนึ่งในคณะกรรมการแห่ง MAS ก็ได้ออกมาระบุว่า

“ผู้ให้บริการโทเคนดิจิทัลควรมีการจัดระเบียบโครงสร้างทางธุรกิจที่ง่ายเข้าไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบในแต่ละประเทศ เนื่องจากพวกเขาเริ่มตรวจสอบบนระบบออนไลน์เป็นหลัก”

ในขณะเดียวกัน หากบริษัทใดไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดีพอ ทางรัฐบาลได้ประกาศให้ดำเนินการตามบทลงโทษปรับสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกันนี้หากเกิดการโจมตีจากอาชญากรไซเบอร์จนสร้างความเสียหายบนอินเทอร์เน็ตอย่างรายแรง ทางบริษัทจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการระงับการบริการทางการเงินในทันที