สมาชิกวุฒิสภา Lummis เสนอให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แปลงทองคำสำรองของประเทศไปเป็น Bitcoin
สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจที่ครองตำแหน่งผู้ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณกว่า 8,000 ตัน กำลังเผชิญกับข้อเสนอที่อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือครองสินทรัพย์สำรองครั้งสำคัญ
สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจที่ครองตำแหน่งผู้ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณกว่า 8,000 ตัน กำลังเผชิญกับข้อเสนอที่อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือครองสินทรัพย์สำรองครั้งสำคัญ
วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ตัวแทนจากรัฐไวโอมิง ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลในสภาคองเกรส ได้นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายด้วยการผลักดันให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ พิจารณาแปลงสินทรัพย์ทองคำบางส่วนเป็น Bitcoin เพื่อจัดตั้งเป็นคลังเก็บ Bitcoin สำรองเชิงยุทธศาสตร์
ในการให้สัมภาษณ์เชิงลึกกับสำนักข่าว Bloomberg วุฒิสมาชิก Lummis ได้อธิบายถึงแนวคิดที่น่าสนใจว่า การแปลงใบรับรองทองคำ (Gold certificate) ที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่เป็น Bitcoin อาจเป็นวิธีที่ชาญฉลาดกว่า เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่องบดุลของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งต่างจากทางเลือกอื่นที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลถึง 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการซื้อ Bitcoin ตามราคาตลาดปัจจุบัน
ร่างกฎหมายการจัดตั้งคลัง Bitcoin สำรองเชิงยุทธศาสตร์ที่นำเสนอต่อวุฒิสภา มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการ โดยมีเป้าหมายหลักในการได้มาซึ่ง Bitcoin จำนวน 1 ล้าน Bitcoin หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณ Bitcoin ทั้งหมดที่จะมีได้ในระบบ โดยกำหนดระยะเวลาถือครองยาวนานถึง 20 ปี วุฒิสมาชิก Lummis ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการนี้ว่า "ในขณะนี้ครอบครัวทั่วรัฐไวโอมิงและทั่วประเทศกำลังดิ้นรนรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์"
Anthony Pompliano นักลงทุนชื่อดังในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ได้แสดงมุมมองที่น่าสนใจว่า กำลังเกิดการแข่งขันระดับโลกระหว่างรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการสะสม Bitcoin โดยเขาชี้ให้เห็นว่างบประมาณ 90,000 ล้านดอลลาร์ที่จะใช้ในโครงการนี้ถือเป็นจำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้จ่ายของรัฐบาลในปัจจุบัน โดยยกตัวอย่างว่าในช่วง 90 วันที่ผ่านมา หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นถึง 850,000 ล้านดอลลาร์
"หากเราลองนำเงิน 850,000 ล้านดอลลาร์นี้ไปลงทุนใน Bitcoin จะเท่ากับครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาด Bitcoin ทั้งหมดในปัจจุบัน ดังนั้น การใช้เงินเพียง 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์จึงถือเป็นเพียงตัวเลขเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการใช้จ่ายของรัฐบาล และผมเชื่อว่าคุ้มค่ากับความเสี่ยงอย่างยิ่ง" Pompliano กล่าว
อย่างไรก็ตาม Mike Novogratz CEO และผู้ก่อตั้ง Galaxy Digital บริษัทการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ ได้แสดงความเห็นในแง่มุมที่แตกต่างออกไป โดยมองว่าการจัดตั้งคลัง Bitcoin สำรองภายใต้การบริหารของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่เขาก็ยังเชื่อว่าหากโครงการนี้สามารถจัดตั้งได้สำเร็จภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ จะส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทะยานสู่ระดับ 500,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
ร่างกฎหมายการจัดตั้งคลัง Bitcoin สำรองเชิงยุทธศาสตร์ได้จุดประกายการถกเถียงอย่างกว้างขวางในวงการการเงินและการลงทุน โดยมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และฝ่ายที่กังวลถึงความเสี่ยงและความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัล
อ้างอิง : cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว