🇺🇸 United States

SEC โต้กลับ Coinbase! เชื่อ 'รู้อยู่แล้ว' ว่ากำลังทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์

Rectangle Template   2023 07 08 T085342.986

ท่าจะยาว! SEC ยื่นเอกสารโต้กลับ Coinbase เชื่อเว็บเทรดดัง 'รู้อยู่แล้ว' ว่าตนผิดกฎหมายหลักทรัพย์ พร้อมชี้เหตุผล ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าตนกำลังทำผิด

อ้างอิงจากเอกสารยื่นฟ้องฉบับล่าสุดของสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ หรือ SEC ต่อ ‘Coinbase’ เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยในเนื้อหายังมีการระบุในทำนองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ Coinbase จะไม่รู้ว่าตนเองกำลังกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์อยู่ เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่และได้รับการปรึกษาทางกฎหมายอย่างรัดกุม

Coinbase บริษัทหลักพันล้านดอลลาร์ ที่ผ่านการปรึกษาทางกฎหมายมาแล้วอย่างรัดกุม อ้างว่าพวกเขาไม่ทราบว่าตนเองกำลังกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์อยู่ และอ้างว่าการอนุญาตให้ธุรกิจดำเนินการในปี 2021 นั้นหมายความว่า SEC ได้ยืนยันว่ากิจการของ Coinbase ถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์

นั่นจึงหมายความว่า Coinbase ได้ใช้โครงสร้างทางกฎหมายในการเป็นพื้นฐานสำหรับการลิสต์เหรียญ แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าจะไม่รวมเข้ากับกิจกรรมของบริษัท

Coinbase vs SEC ยังไม่มีท่าทีใกล้จะจบ...

โดยคดีความของ Coinbase และ SEC ก็ดำเนินมาตั้งแต่การเริ่มฟ้องของสำนักงานในเดือน มิ.ย. ในข้อหาให้บริการหลักทรัพย์โดยไม่ได้ลงทะเบียน จากนั้นก็ตามมาด้วยการตอบโต้ทางกฎหมายของทั้งสองฝั่ง อย่างเช่นการกล่าวว่า SEC ไม่ตีกรอบข้อกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับคริปโต หรือการตอบโต้กลับของ SEC ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงวันนี้ SEC ก็ดำเนินการฟ้องร้องเว็บเทรดคริปโตเจ้าใหญ่ไปแล้วแทบทุกราย ทั้ง Coinbase เอง หรือ Kraken และ Binance US เป็นต้น จนเว็บเทรดอื่นๆ ที่ยังลอยตัวอยู่ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ เช่น Robinhood อีกหนึ่งเว็บเทรดดังก็ประกาศลิสต์ 3 เหรียญใหญ่ ที่ ‘อาจ’ เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์

อ้างอิง: The Block

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหรียญคริปโตกลุ่ม AI และ Big Data พุ่งทะยาน 131% ท่ามกลางกระแสขาขึ้นของ Bitcoin
Bitcoin พลิกเกม! MicroStrategy กำไรพุ่งทะลุเพดาน แซงหน้า Apple, Amazon
Sky เปิดตัว USDS Stablecoin ตัวใหม่! บน Solana พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องกว่า 5 แสนดอลลาร์
BlackRock Bitcoin ETF Options สร้างสถิติใหม่! มียอดซื้อขายวันแรกทะลุ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์