SBI Ripple Asia เข้ามาอัปเกรดการโอนเงินข้ามพรมแดนของกัมพูชา
SBI Ripple Asia บริษัทร่วมทุนระหว่าง SBI Holdings และ Ripple กำลังจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนของ RippleNet เข้ามาเพิ่มพลังให้กับเส้นทางการโอนเงินข้ามพรมแดนแห่งแรกของกัมพูชากับเวียดนาม ซึ่งจะทำให้การโอนเงินนั้นรวดเร็วขึ้น, ค่าธรรมเนียมถูกลง และมีความสะดวกยิ่งขึ้นด้วย
SBI Ripple Asia บริษัทร่วมทุนระหว่าง SBI Holdings และ Ripple กำลังจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนของ RippleNet เข้ามาเพิ่มพลังให้กับเส้นทางการโอนเงินข้ามพรมแดนแห่งแรกของกัมพูชากับเวียดนาม ซึ่งจะทำให้การโอนเงินนั้นรวดเร็วขึ้น, ค่าธรรมเนียมถูกลง และมีความสะดวกยิ่งขึ้นด้วย
SBI Ripple Asia ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SBI Holdings ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการทางการเงินสัญชาติญี่ปุ่น และ Ripple ผู้ให้บริการ Open Payment Network หรือ Platform สำหรับรับ และส่งเงินในรูปแบบของ Digital Asset กำลังจะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับบริการโอนเงินระหว่างประเทศแห่งแรกของกัมพูชาโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือกับ SBI LY Hour Bank ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SBI Holdings ทาง SBI Ripple Asia จะเข้ามาช่วยให้การโอนเงินระหว่างกัมพูชา และเวียดนามรวดเร็วขึ้น, ถูกลง และสะดวกยิ่งขึ้นด้วย RippleNet ซึ่งเป็นปรโตคอลบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจของ Ripple ซึ่งใช้ XRP เพื่อชำระธุรกรรมแบบเรียลไทม์ระหว่างสกุลเงินในลักษณะที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินการได้อย่างไม่สะดุด และสร้างความสะดวกสบาย ในนามของ SBI Group Yoshitaka Kitao ซีอีโอของธนาคารกล่าวว่า
“เราจะพยายามทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดในอนาคตด้วยการจัดหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Distributed Ledger Technology (DLT) ที่ส่งเสริมโดย SBI Group ให้กับบริษัททั้งใน และนอกกลุ่ม โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราต้องการที่เป็นผู้นำนำโลกาภิวัตน์ทางการเงินโดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาบริการโอนเงินที่รวม Crypto assets เข้าไว้ด้วยกัน”
ด้วยความร่วมมือนี้จะทำให้มีการเปิดใช้ช่องทางการชำระเงินระหว่างธนาคารกัมพูชา และเวียดนาม บริการชำระเงินจะถูกนำเสนอโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำ และจะถูกชำระด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบเรียลไทม์
พันธมิตรที่ดีทำให้ Ripple แข็งแกร่ง
แม้ Rippleจะถูกถ่วงด้วยข้อขัดแย้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯซึ่งอ้างว่า XRP ดำเนินการในลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่ไม่มีการควบคุมในสหรัฐอเมริกา SBI Group ก็เป็นพันธมิตรที่มั่นคงของ Ripple ในขณะที่พันธมิตรรายอื่น เช่น MoneyGram จะหยุดความร่วมมือกับบริษัท Startup รายนี้ไปแล้วก็ตาม ซึ่ง SBI Group ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การยอมรับ XRP เติบโตขึ้นอย่างมากในเอเชียท่ามกลางคดีความที่ Ripple เผชิญอยู่ในสหรัฐอเมริกา
ตามรายงานรายได้ล่าสุดที่เผยแพร่โดย Ripple บริษัทสามารถเพิ่มยอดขาย XRP ได้ 97% ในไตรมาสแรกของปี 2021 ซึ่งแปลเป็นยอดขาย 150.34 ล้านดอลลาร์ใน XRP สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 เมื่อเทียบกับยอดขายสุทธิ 76.27 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 ไม่จำเป็นต้องพูดว่า XRP ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่า Ripple กำลังต่อสู้ทางกฎหมายอยู่ก็ตาม
ทั้งนี้หลังจากที่คดีในศาลคลี่คลายแล้วอาจมีความเป็นไปได้ที่ Ripple จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ซีอีโอของ SBI Group อย่าง Yoshitaka Kitao ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเขาต้องการที่จะเห็น Rippleเข้าตลาดหุ้นหลังจากที่คดีในศาลกับสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับการตัดสิน ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของซีอีโอของ Ripple อย่าง Brad Garlinghouse ดังที่เขาเคยระบุไว้ว่า Ripple ปรารถนาที่จะทำ IPO ในอนาคต