ชาวรัสเซียเผาพาสปอร์ตเพื่อสร้าง NFT ช่วยยูเครน

Olive Allen ศิลปินชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี ผิดหวังต่อการตัดสินใจรุกรานยูเครนของทางรัฐบาลรัสเซีย แม้รู้ดีว่าส่วนหนึ่งภายในตัวของเธอนั้นยังคงมีความเป็นรัสเซียอยู่เสมอมาก็ตาม ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะตัดสัมพันธ์เหล่านั้นลง ก่อนปิ๊งไอเดียที่จะสร้างความตระหนัก และช่วยระดมทุนเข้าช่วยเหลือยูเครนจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ด้วยการตัดสินใจเผาพาสปอร์ตเพื่อสร้าง NFT ชิ้นใหม่ขึ้น

แรงกระตุ้นสำคัญในการเผาพาสปอร์ตเพื่อสร้าง NFT

Allen ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในวงการคริปโตนับตั้งแต่ต้นปี 2018 หลังจากที่ตลาด Bitcoin (BTC) มีราคาพุ่งสูงขึ้นจนทำให้เกิดภาวะตลาดกระทิงในเดือนธันวาคม ปี 2017 ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในศิลปินผู้สร้างผลงานศิลปะดิจิทัลเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดเธอได้ตั้งปณิธานครั้งใหญ่ในการเผาพาสปอร์ตสร้าง NFT หรือ Non-Fungible Token ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากการที่เธอไม่สามารถทนเห็นตนเองเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดภายใต้การปกครองของผู้นำคนปัจจุบันได้ จึงเลือกที่จะออกมาผลักดันให้ประชาชนชาวรัสเซียทุกคนให้การสนับสนุนกองกำลังทหารในประเทศยูเครนแทน นอกจากนี้เธอยังได้ระบุว่ามีชาวรัสเซียบางส่วนที่ได้ถูกล้างสมองจนไม่สามารถโน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อีกด้วยเช่นเดียวกัน

เงินบริจาคจะถูกส่งให้กับองค์กร Save the Children

ผลงานศิลปะของ Allen จะถูกนำไปจัดประมูลบนตลาด SuperRare เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเธอจะนำเงินทุนที่ได้รับจากการจัดจำหน่ายวิดีโอตัวนี้บริจาคให้กับองค์กร Save the Children โดยตรงในรูปแบบของ Ether (ETH) ซึ่งองค์กรดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือเด็กทั่วโลกจากปัญหาในด้านต่าง ๆ เช่น การค้ามนุษย์, การแต่งงานก่อนวัยอันควร, การศึกษา และการหลบหนีจากความรุนแรง เป็นต้น

นอกจากนี้ Allen ยังได้กล่าวว่าเธอตั้งใจที่จะมอบเงินบริจาคก้อนนี้ให้กับองค์กรด้านมนุษยชนมากกว่าการช่วยเหลือกองกำลังทหาร ซึ่งปัจจุบันทาง Save the Children ก็ได้เปิดรับบริจาคเงินในรูปแบบคริปโตอย่าง Bitcoin และ Ether ผ่านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการการระดมทุนโดยไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Giving Block เพื่อช่วยเหลือเด็กกว่า 7.5 ล้านรายที่ติดอยู่ภายในพื้นที่การสู้รบในประเทศยูเครน

การเผาพาสปอร์ตร้ายแรงหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ศิลปินรายนี้ยังได้ระบุว่าการกระทำของเธอนั้นอาจส่งผลให้เธอถูกส่งตัวกลับประเทศเพื่อเข้าให้ปากคำต่อความคิดเห็นของเธอที่ได้แสดงออกไปให้รัฐบาล ทั้งนี้โดยปกติแล้ว การเผาหนังสือเดินทางไม่ได้ทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งต้องสูญเสียสัญชาติของพวกเขาไปแต่อย่างใด อ้างอิงตามกฎหมายรัฐบาลกลาง (Federal Law) ประกาศใช้ในปี 2002 ระบุว่า บุคคลใดที่พำนักอยู่ในต่างประเทศสามารถเพิกถอนการถือสัญชาติรัสเซียของตนเองได้อย่างอิสระตามเจตจำนงของตนเอง ยกเว้นในกรณีที่บุคคลนั้นถูกฟ้องร้องในประเทศรัสเซีย, ไม่ได้ถือสัญชาติ หรือ อยู่ในภาวะมีหนี้สิน ซึ่งจะถือว่าบุคคลผู้นั้นมีข้อผูกมัดต่อสหพันธรัฐรัสเซียนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ หาก Allen ต้องการจะดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนั้น เธอจำเป็นต้องแสดงพาสปอร์ตฉบับสมบูรณ์ต่อสถานกงสุลรัสเซีย และกรอกเอกสารเพื่อยกเลิกสัญชาติกับทางรัฐบาลอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งแม้ว่าเธอจะอยากย้อนเวลาเพื่อกลับไปทำทุกอย่างให้ถูกต้องก็ตาม แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้เธอต้องตกเป็นหนึ่งใน Blacklist ของรายชื่อบุคลที่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปภายในพื้นที่ประเทศรัสเซียได้อีก และเธอเองก็คิดว่าการตัดสินใจของเธอสร้างความกลัวให้เธอได้มากพอที่จะไม่กลับไปเยือนถิ่นกำเนิดของตนเอง

บทบาทสำคัญของคริปโตหลังรัสเซียบุกยูเครน

คริปโตเคอเรนซีได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในระหว่างการหารือเกี่ยวกับการบริจาคเงินทุนไปยังยูเครน ซึ่งทางด้านรัสเซียเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป โดยหนึ่งในผู้ใช้งานบนทวิตเตอร์ในยูเครน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลได้ออกมาโพสต์ Address เพื่อเปิดรับบริจาคในรูปแบบคริปโตด้วย BTC, ETH, Tether (USDT), Polkadot (DOT) และ Dogecoin (DOGE) โดยฝ่ายนิติบัญญัติในสหภาพยุโรปก็ได้ออกมาผลักดันให้มีการปรับแก้นโยบายคริปให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับความกังวลว่ารัสเซียอาจเปิดฉากนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อหลบหลีกการถูกคว่ำบาตรนั่นเอง