General

รัฐบาลประเทศรัสเซียขึ้นบัญชีดำเว็บเทรด Binance

630 D B5 Fe 6 F B8 49 F2 8143 A9 Da D504 Dc E3.jpeg.jpg

สถานการณ์ด้านคริปโตในประเทศรัสเซียยังคงไม่แน่นอน หลังล่าสุดมีการแบนการเช้าถึงเว็บ Binance เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงวันที่ 24 กันยายน 2020 ท่านมาทางแพลตฟอร์มเว็บซื้อขายสกุลเงินคริปโตชื่อดังอย่าง Binance ได้มีการประกาศว่าชื่อเว็บไซต์ของพวกเขานั้นได้ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ประชาชนชาวรัสเซียห้ามเข้าใช้งาน ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังการปิดกั้นการเข้าถึงบริการดังกล่าวโดยหน่วยงานรัฐฯนั้นยังไม่ชัดเจน แต่กรณีน่าจะเป็นไปด้วยเหตุผลทางกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของเว็บไซต์ดังกล่าว

รัสเซียแบนเว็บไซต์ Binance

กรณีดังกล่าวมีที่มาจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลทางด้านเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารของประเทศได้ดำเนินการแจ้งแก่แพลตฟอร์ม Binance ถึงการที่ชื่อโดเมนเนมของบริษัทอย่าง www.binance.com ถูกปิดกั้นการเข้าถึงภายในประเทศ ซึ่งทางแพลตฟอร์มได้มีทีท่าประหลาดใจเนื่องจากไม่ได้รับการชี้แจงหรือแจ้งล่วงหน้าจากหน่วยงานรัฐฯซึ่งรับผิดชอบทางด้านกฎหมายโดยตรงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ทาง Binance ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุการถูกขึ้นบัญชีดำในครั้งนี้ว่าการดำเนินการของแพลตฟอร์มเว็บเทรดของ Binance นั้นขัดแย้งกับข้อจำกัดการดำเนินการของเว็บไซต์อย่างเช่น การให้ข่าวสารและชี้ชวนประชาชนให้มีการซื้อขายสกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin ซึ่งต้องห้ามตามกฎเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนเว็บไซต์นั่นเอง

สถานการณ์ด้านคริปโตในรัสเซีย

สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซียนั้นเรียกได้ว่าทำให้วงการคริปโตภายในประเทศนั้นต้องพบเจอกับความไม่แน่นอนทางด้านกฎหมายมากพอ ๆ กับที่เกิดขึ้นประเทศจีน โดยหลายครั้งผู้ใช้งานเว็บเทรดต่างๆ รวมทั้งนักลงทุนต้องใช้งานแอปพลิเคชั่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยที่ไม่ถูกปิดกั้นจากรัฐฯ เช่น การใช้ Virtual Private Networks (VPNs) ซึ่งกรณีดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับเว็บไซต์อย่าง LocalBitcoins ซึ่งได้ถูกแบนไปในช่วงวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้แล้วทางฝั่งรัฐบาลของประเทศรัสเซียนั้นยังได้มีการร่างนโยบายให้ประชาชนของประเทศต้องดำเนินการแจ้งการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเช่น สกุลเงินคริปโต รวมทั้งแจ้งบัญชี Wallet ของพวกเขาแก่รัฐฯ โดยได้เตรียมให้มีบทลงโทษหากไม่มีการปฏิบัติตามในกรณีที่มูลค่าสินทรัพย์นั้นๆสูงกว่า 1 ล้านรูเบิ้ลอีกด้วย

สำหรับในกรณีของ Binance นั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการกลับมาดำเนินการให้บริการแก่ผู้ใช้ภายในประเทศตามปกติเมื่อไหร่ แต่ทางแพลตฟอร์มได้มีการเตรียมเข้าปรึกษาทางด้านกฎหมายถึงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยที่ผู้ใช้แพลตฟอร์มภายในประเทศนั้นจะยังมั่นใจได้ว่าเงินของพวกเขานั้นจะยังปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผู้ร่วมก่อตั้ง Axelar เผย! การมาถึงของ RLUSD Stablecoin จะช่วยผลักดันความต้องการ XRP อย่างมีนัยสำคัญ
ไม่พร้อมรับข่าวร้าย! นักเทรดคริปโตถูกล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ครั้งแรก! Bitcoin-Ethereum ETF จาก Hashdex และ Franklin Templeton ได้รับอนุมัติพร้อมกัน
ข้อมูลจาก Santiment เผยสัญญาญเชิงบวก หลังพบ 104 กระเป๋าวาฬถือครองกว่า 57% ของ Ethereum ทั้งหมด