รัสเซียรอดจากสงครามด้วยคริปโตมูลค่ากว่า 2 ล้านดอลลาร์

แม้ประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหพันธรัฐรัสเซียจะกำลังเผชิญกับสงครามครั้งใหญ่ที่มาพร้อมกับการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ แต่ทว่าจากข้อมูลชุดใหม่ ทำให้เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า รัสเซียรอดจากสงครามด้วยคริปโตเลยก็ว่าได้!

โดยทาง Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อคเชนสัญชาติอเมริกัน ได้ออกมาเปิดเผยถึง ‘เส้นทางการเอาตัวรอด’ ของดินแดนหมีขาวแห่งนี้ ผ่านการใช้ประโยชน์จากสกุลเงินคริปโต (Cryptocurrencies) ซึ่งช่วยให้บริษัทจำนวนมากสามารถเลี่ยงการคว่ำบาตรจากหลายองค์กรไปได้ ทั้งยังมีเงินทุนได้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

ภาวะ ‘สงคราม’ ทำให้รัสเซียต้องหาทางรอด

สงครามระหว่างรัสเซียและสาธารณรัฐประชาชนยูเครน ได้ปะทุขึ้นเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน ซึ่งมันได้ส่งผลให้กิจการหลายแห่งในทั้งสองประเทศต้องปิดตัวลง แถมยังเป็นการ ‘ตัดขาด’ การเชื่อมต่อของทั้งยูเครนและรัสเซียจากการดำเนินธุรกิจบนเวทีโลกไปเลยอีกด้วย

โดยทาง 2 ผู้ให้บริการตัวกลางการชำระเงินชื่อดังอย่าง Mastercard และ Visa ได้ทำการถอนการบริการทั้งหมดออกจากรัสเซียเรียบร้อยแล้ว

หรือแม้แต่บริษัทคริปโตสายตรงอย่าง Satoshi Labs ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ Trevor ยังได้ออกมาระงับการจำหน่ายกระเป๋าเงินของตนไปยังยูเครน และรัสเซีย ด้วยเช่นกัน

ในทำนองเดียวกัน Binance ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้ถูกบังคับให้ยืนหยัดร่วมกับการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซีย และต้องจำกัดการดำเนินงานกับรัสเซียลงจนแทบไม่เหลือ

รัสเซียรอดจากสงครามด้วยคริปโต

แม้แผนการที่อยู่เบื้องหลังการตัดสัมพันธ์กับรัสเซียในครั้งนี้คือการกดดันให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีรัสเซียออกมายุติสงครามในเร็ววัน แต่ทว่ารายงานฉบับใหม่ของ Chainalysis กลับชี้ให้เห็นว่าความพยายามเหล่านั้นกลายเป็นสูญเปล่าเสียแล้ว

โดยภายในเอกสารการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า การคว่ำบาตรไม่ได้ปิดเส้นทางการทำเงินของรัสเซียอย่างแท้จริง เพราะมีองค์กรที่สนับสนุนรัสเซียประมาณ 54 แห่งได้ใช้การบริจาคเงินเป็นคริปโตเพื่อแปรสภาพให้เป็นทุนให้กับฝ่ายรัสเซียเพื่อทำสงครามในยูเครน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.2 ล้านดอลลาร์

โดยสกุลเงินที่องค์กรเหล่านี้นิยมมากที่สุดก็คือ Bitcoin (BTC) โดยพวกเขาบริจาคให้ทางการรัสเซียตีเป็นมูลค่ากว่า 1.45 ล้านดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินที่นิยมรองลงมาคือ Ethereum (ETH) ซึ่งถูกบริจาคไปทั้งหมด 590,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้ Litecoin,  USDT, Tether และ Dogecoin (DOGE) ก็ติโผเป็นสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ถูกบริจาคเพื่อใช้ในการก่อการร้ายอีกด้วย

อย่างไรก็ดี Chainalysis นั้นสืบค้นได้แค่ปริมาณการทำธุรกรรม กับยอดที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยบริษัทข้อมูลรายนี้ระบุว่า ชาวรัสเซียใช้บริการ Cryptocurrency Mixers ในการปกปิดการทำธุรกรรม และสกัดกั้นการพบแหล่งที่มาของเงินทุน ทั้งยังเสริมด้วยว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดเหล่านี้ได้ เนื่องจากไม่มีแนวทางที่จะชี้ตัวอาชญากรเหล่านี้