ข่าว Bitcoin

สรุปดราม่า ‘Lightning Network’ เกิดอะไรขึ้น? หลังพบช่องโหว่ ที่อาจเป็นจุดจบ Bitcoin Lightning!?

สรุปดราม่า ‘Lightning Network’ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมนักพัฒนาหลักลาออก แล้วช่องโหว่ที่พบจะเป็นจุดจบของ Bitcoin Lightning จริงหรือ?

สรุปประเด็นดราม่า ‘Lightning Network’ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนักพัฒนาหลักลาออก แล้วช่องโหว่ที่พบจะเป็นจุดจบของ Bitcoin Lightning จริงหรือ?

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หากติดตามข่าวสารคริปโตกันก็คงจะได้เห็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Lightning Network ของ Bitcoin กันมาบ้าง หลังจากที่ ‘Antoine Riard’ นักพัฒนาหลักของโปรเจกต์ตัดสินใจถอยออกมา พร้อมจวกยับถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Lightning Network ที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศน์

ในบทความนี้จะมีการเรียก ‘Lightning Network’ ว่า ‘LN’ บางส่วน เพื่อความกระชับ

ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ - Lightning Network

ปัญหา Lightning Network

ก่อนจะไปถึงปัญหา เราต้องมารู้จัก Lightning Network กันก่อน โดย Lightning Network คือเครือข่ายเสริมที่จะเข้ามาช่วยขยายข้อจำกัดของ Bitcoin ให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้น, เร็วขึ้น และไม่ต้องให้ทุกธุรกรรมต้องไปกระจุกอยู่ที่เครือข่ายหลักของ Bitcoin เอง

คอนเซปต์ของมันก็ง่ายๆ โดยการเปิดช่องให้ผู้ใช้เข้ามาทำธุรกรรม จากนั้นก็นำธุรกรรมทั้งหมดมารวมกันนอกบล็อกเชน (off-chain) และค่อยนำไปให้บล็อกเชนของ Bitcoin ประมวลผลทีเดียว

ซึ่งการออกมาเปิดเผยของ Antoine Riard ก็เป็นการชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ที่อาจจะทำให้สามารถถูกโจมตีด้วยการโจมตีที่เรียกว่า ‘Replacement cycling attack’ ได้

จริงๆ แล้วการโจมตีแบบ Replacement cycling attack ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือการโจมตีที่ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้าไปขโมยเงินในธุรกรรมระหว่างการรวบรวมก่อนที่จะส่งเข้าไปในเครือข่ายหลักของ Bitcoin ให้ประมวลผล

Antoine Riard กล่าวว่าถ้าจะแก้ไขปัญหานี้อาจจะต้องไปแก้ไขกันตรงเครือข่ายหลักของ Bitcoin เลย ซึ่งกลไกการป้องกันที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ยังสามารถป้องกันการโจมตีได้แค่ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าการโจมตีได้รับการวางแผนมามากกว่านี้, รุนแรงกว่านี้ และซับซ้อนกว่านี้ LN อาจถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ดังกล่าวได้

นอกจากนี้ยังมีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าช่องโหว่ในครั้งนี้ อาจจะเกิดจากการ ‘จงใจ’ ที่จะฝังช่องโหว่ไว้ตั้งแต่การเริ่มต้นพัฒนา LN ซึ่งก็อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Antoine Riard ตัดสินใจลาออกและนำช่องโหว่นี้ออกมาเปิดโปง

หรือนี่จะเป็นจุดจบ Bitcoin Lightning

ในขณะนี้ผู้มีชื่อเสียงหลายคนที่อยู่ในวงการบล็อกเชนก็เริ่มออกมาแสดงความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้ว เช่น คุณหนึ่ง 'ปรมินทร์ อินโสม' ผู้ก่อตั้ง Satang Pro และโปรเจกต์ Firo ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านบัญชี X ส่วนตัวเช่นกัน พร้อมกับยอมรับว่ากรณีนี้เป็นกรณีที่ยากที่จะแก้ไขจริง

ปัญหาของ Lightning Network เป็นปัญหาที่ based layer ของ BTC และคิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะแก้ที่ based layer

แต่ก็ไม่แน่ ถ้าชุมชน BTC มองว่า LN คือทางออกหลักของ BTC ที่ไม่มีทางอื่นแล้ว แต่ถ้าชุมชน BTC มองว่าปัญหาของ LN คือของ LN ไม่ใช่ปัญหาของ BTC อันนี้ก็ไม่น่าจะแก้ไขได้

นอกจากนี้หากค้นหาคำว่า Lightning Network ในแพลตฟอร์ม X ก็จะพบกับผู้ใช้หลายรายออกมาแสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดยหลายคนมองว่านี่อาจจะเป็นจุดจบของ LN เนื่องจากเป็นปัญหาที่ใหญ่เกิน และไม่สามารถแก้ไขได้

อย่างไรก็ตามก็คงต้องติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะประกาศจากฝั่งของทีม Lightning Network ที่ยังเหลืออยู่ ว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร รวมไปถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ว่าจะมีความเคลื่อนไหวในแนวทางไหนสำหรับประเด็นนี้

อ้างอิง: Cryptopolitan

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่พร้อมรับข่าวร้าย! นักเทรดคริปโตถูกล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ครั้งแรก! Bitcoin-Ethereum ETF จาก Hashdex และ Franklin Templeton ได้รับอนุมัติพร้อมกัน
Quantum BioPharma ทุ่ม $1 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin และคริปโต หวังกระจายความเสี่ยงป้องกันเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์เผย! Ethereum อาจร่วงแตะ 3,000 ดอลลาร์ หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป