Ready Player Me ระดมทุน 13 ล้าน พัฒนา Avatar 3D
แพลตฟอร์มเกมอย่าง Ready Player Me ระดมทุน 13 ล้าน เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่โลก Metaverse ในปี 2022 ที่กำลังจะถึงนี้
แพลตฟอร์มเกมอย่าง Ready Player Me ระดมทุน 13 ล้าน เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่โลก Metaverse ในปี 2022 ที่กำลังจะถึงนี้
ประกาศจากทางแพลตฟอร์มเกมบน Metaverse อย่าง Ready Player Me ระดมทุน 13 ล้านในระดับ Series A โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง Wise, ผู้ร่วมก่อตั้ง Teleport, Taavet+Sten และ ผู้ร่วมก่อตั้ง GitHub อย่าง Tom Preston Warner รวมไปถึงบริษัทรายใหญ่อย่าง Samsung Next, Konvoy Ventures และ Gmoney เป็นผู้นำในการลงทุนรอบนี้ ซึ่งทางแพลตฟอร์มตั้งใจที่จะใช้เงินทุนเพื่อต่อยอดความทะเยอทะยานในการพัฒนา Avatar บน Metaverse ผ่านการนำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับดิจิทัลในหลากหลายมิติเข้ามาปรับใช้ในการให้บริการผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้เล่นสามารถสร้าง Avatar ของตนเองจากรูปภาพ หรือ สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อนำไปใช้บนแอปพลิเคชัน และ แพลตฟอร์มเกมบน Metaverse มากกว่า 900 แห่งได้ อย่างไรก็ตามหัวข้อดังกล่าวนั้นมีทฤษฎีตรงกันข้ามกับโลกดิจิทัลมิติเดียว อย่าง Meta หรือ ชื่อเดิม Facebook ที่นักวิจารณ์หลายรายมักออกมาติติง และ กล่าวเตือนถึงความพยายามในการเข้าครอบครองที่ดิน หรือ ผูกขาดพื้นที่บนอุตสาหกรรม Metaverse
Ready Player Me ระดมทุน 13 ล้านหวังสร้างรายได้ให้กับนักลงทุน
ปัจจุบันบริษัท และ องค์กรจำนวนมากกว่า 1,000 แห่งได้นำโมเดล Avatar จาก Ready Player Me ไปใช้ในธุรกิจนอกจากนี้บริษัทผู้สร้าง Ready Player Me ยังได้เตรียมเพิ่มจำนวนพนักงานมากกว่า 70 ราย และ ให้การสนับสนุนเหล่าผู้พัฒนาด้วยการเข้าไปแนะนำ Application Programming Interface (API) ตัวใหม่ และ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงการให้บริการผลิตภัณฑ์ขององค์กร รวมไปถึง การปรับปรุงในส่วนของ Front-end user experience ด้วยเช่นเดียวกัน
Daniel Marcinkowski ผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำแพลตฟอร์ม ได้ออกมาเผยถึงความมุ่งมั่นดำเนินการโปรเจกต์ดังกล่าวในปีหน้าผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตระบุว่า โปรเจกต์นี้มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างระบบ Avatar ที่ดีที่สุดให้กับเหล่านักพัฒนาทั่วทั้งจักรวาล Metaverse
ในขณะเดียวกันซีอีโอ Timmu Tõke ก็ได้ออกมากล่าวว่า
“เราจะสามารถขยายเครือข่ายพันธมิตรของเราออกไปได้กว้างขึ้น และ จะสร้างเครื่องมือให้กับเหล่านักพัฒนาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ด้วยการปรับแต่งสินทรัพย์ประเภท Avatar และ NFT ทั้งนี้เป้าหมายของเราคือการกลายเป็นผู้บุกเบิกระบบเหล่านี้บน Metaverse”
ทั้งนี้ทางบริษัทยังได้ออกมาระบุถึงโปรเจกต์ในอนาคตที่กำลังเตรียมพัฒนา NFT ที่สามารถสวมใส่ได้ และ แฟชันเสมือนจริงสำหรับ Avatar จากการเข้าร่วมมือกับแบรนด์ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Warner Brothers, Dior และ New Balance เป็นต้น
อดีตซีอีโอทวิตเตอร์มองว่าบริษัทร่วมทุนรายใหญ่ต่างกำลังเข้าครอบงำ Web 3.0
ในระหว่างที่ผู้คนต่างก็เริ่มคาดเดาถึงรูปลักษณ์ของคาแรคเตอร์บนโลก Metaverse แต่ทว่าคำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และ ความปลอดภัยของผู้บริโภค, วิวัฒนาการของการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับสังคม และ เทคโนโลยีอื่น ๆ รวมไปถึงการนำ Web 3.0 ไปใช้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันเป็นวงกว้าง ซึ่งประเด็น Metaverse ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์อย่างมากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทางด้าน Jack Dorsey ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ได้ออกมาแย้งถึงโครงสร้างพื้นฐานของ Web 3.0 ในยุคแรก ๆ ที่ปัจจุบันถูกบริษัทร่วมทุน และ บริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี Web 2.0 ในรูปแบบ Centralized เข้ายึดครอง และ ครอบงำอุตสาหกรรมเหล่านี้อยู่ ซึ่งเขามั่นใจอย่างมากว่าองค์กรเหล่านี้จะยังคงไม่ล้มเลิกแผนการเข้ายึดครองพื้นที่นี้ไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา Dorsey ได้ประกาศลาออกจาก Twitter เพื่อสานต่อโปรเจกต์แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนในชื่อ tbDEX ควบคู่ไปกับการให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนานะบบนิเวศของ Bitcoin ให้มีศักยภาพสูงที่สุด หรือ ในมุมมองของเขาอาจพัฒนาให้คริปโตมีศักยภาพที่ดีกว่าเหรียญดอลลาร์ให้ได้ในอนาคต
ทำความรู้จัก Wolf3D ผู้สร้างเกม Ready Player Me
Wolf3D บริษัทเทคโนโลยีในรูปแบบ 3 มิติ ชื่อดังจากเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ที่เคยสร้างเครื่องสแกน 3 มิติ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่ได้รับความนิยม และ เป็นที่โด่งดังอย่างมากจนได้รับการยอมรับนำไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน, พิพิธภัณฑ์ และ ศูนย์ประชุมทั่วโลก จากผลงานที่ผ่านมาทางองค์กรได้ดำเนินการแสกนใบหน้าของผู้คนในจำนวนมากถึง 20,000 ราย และ รวบรวมข้อมูลมหาศาลที่มีคุณภาพสูงเพื่อช่วยให้บริษัทสามารถศึกษาค้นคว้าถึงโซลูชันที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อใช้สร้าง Avatar เสมือนจริงที่สามารถทำได้แค่เพียงถ่ายเซลฟี่ผ่านอุปกรณ์ชนิดใดก็ได้เท่านั้น รวมไปถึงการออกแบบ Avatar ระดับโลกให้กับบริษัทรายใหญ่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Tencent, Huawei, HTC, Vodafone, H&M และ อีกมากมาย
นอกจากนี้ Wolf3D ยังเป็นผู้สร้างแพลตฟอร์มเกม Avatar ชื่อดังอย่าง Ready Player Me ที่ผู้เล่นสามารถสร้างคาแรคเตอร์ของตนเองในรูปแบบ Avatar และใช้รูปลักษณ์ดังกล่าวสัมผัสกับประสบการณ์บนโลกเสมือนหลากหลายแห่งได้ รวมไปถึงการมอบเครื่องมือให้แก่เหล่าผู้พัฒนาให้สามารถพัฒนาระบบเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย