Ransomware คริปโตกำลังระบาด! วุฒิสภาสหรัฐเริ่มเดินหน้ากระบวนการสืบสวนอย่างจริงจัง
Ransomware คริปโตกลับมาอีกครั้ง ทำให้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเอาจริง เริ่มเดินหน้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการใช้ไวรัสเรียกค่าไถ่ (ransomware) พร้อมกับยกระดับเดินหน้าป้องกันการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์กับคริปโตเคอร์เรนซี่
Ransomware คริปโตกลับมาอีกครั้ง ทำให้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเอาจริง เริ่มเดินหน้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการใช้ไวรัสเรียกค่าไถ่ (ransomware) พร้อมกับยกระดับเดินหน้าป้องกันการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์กับคริปโตเคอร์เรนซี่
วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเอาจริง เริ่มเดินหน้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการใช้ไวรัสเรียกค่าไถ่ (ransomware) พร้อมกับยกระดับเดินหน้าป้องกันการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์กับคริปโตเคอร์เรนซี่
Ransomware คริปโตทำให้ตลาดปั่นป่วน
โดย Gary Peters วุฒิสภาได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า พวกเขากำลังที่จะทำการสืบสวนโดยดูไปที่การกำกับควบคุมดูแลสถานการณ์ปัจจุบันและยกระดับการใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์เสมือนจริงมากขึ้น
Peter ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการ Homeland Security and Governmental Affairs ได้ออกมาสนับสนุนการที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการป้องกันทางไซเบอร์อย่างเต็มที่
เขาได้แถลงว่า เขากำลังดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับบทบาทตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ยังคงมีการเปิดให้ซื้อขายไปจนถึงตรวจสอบการโจมตีของไวรัสเรียกค่าไถ่มากขึ้น ที่เวลานี้เริ่มกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกามากขึ้น
เขาเน้นย้ำว่า กระแสการลงทุนในคริปโตที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์มาก ชี้ให้เห็นว่าอาชญากรทางไซเบอร์มีความเชื่อว่า พวกเขาสามารถโจมตีได้โดยที่ไม่ถูกแกะรอยได้
กอบโกยเงินจากตรงนี้มากขึ้น
ปี 2020 ที่ผ่านมา มีการโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่มากขึ้นถึง 150 % โดยมีการจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับอาชญากรไซเบอร์เป็น $412 ล้านจากการซื้อขายทางคริปโตเคอร์เรนซี่
ในช่วงเวลาเดียวกัน วุฒิสภาสหรัฐได้กล่าวว่า เพียงแค่เดือนนี้มีการโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่ผ่านบริษัทเกือบ 200 เองด้วยกัน และแฮกเกอร์ก็สามารถทำเงินจากคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ถึง $70 ล้านจากเครือข่ายที่ไม่สามารถถอดรหัสได้
การสืบสวนจะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ไวรัสเรียกค่าไถ่ไปจนถึงดูว่า อาชญากรไซเบอร์มีการโจมตีเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่อย่างไร
ไวรัสเรียกค่าไถ่ได้กลับมาขึ้นหน้าสื่ออีกครั้ง โดยเฉพาะการกลับมาของไวรัสเรียกค่าไถ่ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นรูปแบบของการส่งไฟล์ทางอีเมลอย่างเดียว แต่คราวนี้มันสอดไส้เข้ากับเหรียญคริปโตที่กำลังเป็นกระแสในเวลานี้ ซึ่งอาชญากรหรือแฮกเกอร์ต่างใช้จังหวะนี้ในการกอบโกยเงินอย่างมั่งคั่ง