Polygon เปิดตัว Supernet เอาใจนักพัฒนา Web3
นักลงทุนในตลาดคริปโตต่างพากันให้ความสนใจ Web3 เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ Polygon เปิดตัว Supernet Chain พร้อมเล็งแจกเงิน 100 ล้านเอาใจเหล่า Dev

นักลงทุนในตลาดคริปโตต่างพากันให้ความสนใจ Web3 เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ Polygon เปิดตัว Supernet Chain พร้อมเล็งแจกเงิน 100 ล้านเอาใจเหล่า Dev
ผู้ให้บริการโซลูชันปรับขนาดบนเครือข่าย Ethereum อย่าง Polygon เปิดตัว Supernet Chain เครือข่ายใหม่ขององค์กรให้แก่เหล่านักพัฒนา Web3 พร้อมเล็งมอบรางวัลก้อนโตมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับนักพัฒนาที่ตัดสินใจนำโปรเจกต์ของตนมาใช้บนเครือข่ายใหม่ โดยทางด้าน Sandeep Nailwal ผู้ร่วมก่อตั้ง Polygon ได้ออกมาย้ำว่า Supernet จะช่วยยกระดับแผนพัฒนาโปรโตคอลด้วยการเพิ่มอัตราการยอมรับเข้ามาสู่ Web3 พร้อมกล่าวว่าการพัฒนาในครั้งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญให้กับนำ Blockchain ไปใช้ในวงกว้างได้สำเร็จอย่างแน่นอน
Polygon เปิดตัว Supernet Chain อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาทาง Polygon แถลงการณ์เปิดตัวเครือข่าย Supernet chain ตัวใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมระบุถึงคุณสมบัติพิเศษในการเอื้ยให้นักพัฒนาสามารถสร้างโปรเจกต์ในสภาพแวดล้อมที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ โดยปราศจากโฮสต์ หรือค่าบริการการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ นักพัฒนายังจะสามารถนำโปรเจกต์ของตนเองมาปรับใช้ได้กับทั้งเครือข่ายในรูปแบบ Supernet Sovereign Chain หรือ Supernet Shared Security Chain
หากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้านี้ที่มีเครื่องมือตรวจสอบเพียงแค่ตัวเดียว ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงไปได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดนั้นถูกออกแบบมาให้นักพัฒนาสามารถใช้ระบบ Decentralized ได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเครื่องมือตรวจสอบขั้นสูงที่ใช้งานร่วมกับโทเคน MATIC ของ Polygon ในการตรวจสอบเครือข่ายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเครือข่าย Supernet นั้น จะต้องดำเนินการอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของ Polygon Edge หรือ โครงร่างแผนพัฒนาของโปรเจกต์ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสร้าง และนำไปปรับใช้ร่วมกับเครือข่าย Blockchain ขององค์กรก็ตาม แต่ทว่าทางบริษัทกลับไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย และการกระจายอำนาจลงไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้เกิดการยอมรับเครือข่าย Supernet ในวงกว้าง ทาง Polygon ยังได้วางแผนจัดสรรเงินรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับนักพัฒนาที่ต้องการจะสร้างโปรเจกต์ของพวกเขาบนเครือข่ายใหม่ขององค์กรด้วยเช่นเดียวกัน
Polygon ร่วมระดมทุนพัฒนา Web3 อย่างต่อเนื่อง
ความทะเยอทะยานต่อการพัฒนา Web3 ของ Polygon นั้นได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากการเปิดระดมทุนรอบล่าสุดด้วยมูลค่ากว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากบริษัทลงทุนรายใหญ่ได้อย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Sequoia Capital India, SoftBank Vision Fund 2, Galaxy Digital และ Tiger Global เป็นต้น โดย Polygon เองยังได้เข้าไปร่วมระดมทุนในโปรเจกต์โซเชียลมีเดียร่วมกับทาง Alexis Ohanian ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit มูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วยเช่นเดียวกัน
กระแสความนิยม Web3 เริ่มกระจายตัวในวงกว้าง
หลังจากปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทรายใหญ่จำนวนมากต่างก็พากันก้าวเข้ามาลงทุนกับธุรกิจ Startup ด้าน Blockchain รวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ทว่าเมื่อก้าวเข้ามาสู่ปี 2022 นี้ ทางด้านบริษัทลงทุนหลายรายได้เริ่มที่จะปันใจมาให้ความสนใจกับโปรเจกต์พัฒนา Web3 มากขึ้นแทน โดยจะเห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท Framework Ventures ได้ออกมาประกาศนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งใหม่จำนวนครึ่งหนึ่ง หรือราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปพัฒนาตลาดเกม Web3 ในขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายใหญ่อย่าง KuCoin และ CoinDCX ต่างก็ได้ออกมาประกาศเปิดกองทุนสำหรับนักพัฒนา Web3 มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วยเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่า กระแสความนิยมในตัว Web3 ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตลาดการลงทุนเท่านั้น แต่ทว่ายังได้กระจายตัวเข้ามาสู่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน โดยจากข่าวล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา Steve Adler นายกเทศมนตรีประจำเมืองออสติน เมืองหลวงในรัฐเท็กซัสที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ได้ออกมายอมรับถึงการตัดสินใจเสนอร่างโปรเจกต์ใหม่ที่เล็งจะนำเทคโนโลยี Web3 และคริปโตเข้ามใช้พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวเมืองให้ดีขึ้นผ่านการสนับสนุนให้เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัสทั้ง 4 แห่งออกมาร่วมกันโปรโมทประโยชน์ของเทคโนโลยีดังกล่ว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเท่าเทียม, ความหลากหลาย, การเข้าถึง และการผสานรวมกับระบบนิเวศอื่น ๆ พร้อมกันนี้เขาเองก็ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าการนำเทคโนโลยี Blockchain และระบบการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถสร้างประโยชน์ในหลากหลายด้านให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน