จำนวนที่อยู่ Ethereum ที่มีเหรียญมากกว่า 0 ทำ ATH ใหม่
ตลาด Ethereum นั้นกำลังอยู่ในสภาวะการเติบโตที่โดดเด่น จากทั้งความนิยมของ DeFi และ NFT ซึ่งนั่นได้ทำให้นักลงทุนระยะสั้น และยาว ต่างแห่แหนกันมาถือครองเหรียญนี้
ตลาด Ethereum นั้นกำลังอยู่ในสภาวะการเติบโตที่โดดเด่น จากทั้งความนิยมของ DeFi และ NFT ซึ่งนั่นได้ทำให้นักลงทุนระยะสั้น และยาว ต่างแห่แหนกันมาถือครองเหรียญนี้
เครือข่าย Ethereum (ETH) ยังคงดึงดูดให้ผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาได้อย่างต่อเนื่อง และสิ่งนี้สามารถสะท้อนได้จากการที่จากจำนวนที่อยู่ ETH ที่มีจำนวนเหรียญมากกว่าศูนย์ได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง
ที่อยู่ Ethereum ที่มากขึ้นสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในการเติบโต
Glassnode ผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดได้ระบุว่า สถิติใหม่ของที่อยู่ Ethereum ที่มีจำนวนเหรียญมากกว่าศูนย์นั้นอยู่ที่ 66,788,634 Address ซึ่งสาเหตุที่จำนวนผู้ครอบครองเหรียญมากขึ้นนั้นได้ขึ้นพร้อมกับความจริงที่ว่าตลาด Ethereum นั้นกำลังอยู่ในสภาวะการเติบโตที่โดดเด่นเนื่องจากการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจาไม่ว่าจะจากทั้ง บริการการทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFTs) ซึ่งล้วนอยู่ภายใต้ Ethereum Blockchain ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ความสนใจที่กลับมาใหม่จากเหล่านักลงทุนระยะสั้นได้ยังผลักดันราคาของ ETH ให้พุ่งทยานทะลุเพดาน โดยส่งผลให้สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตลาดบรรลุเป้าหมายโดดเด่นในการเดินทาง 6 ปี โดยขึ้นไปกำหนดราคาสูงสุดตลอดกาล (ATH) เอาไว้ที่ $4,650
ความท้าทายจากค่า Gas ที่สูงลิ่ว
แม้จะมีความก้าวหน้าที่โดดเด่นในเครือข่าย Ethereum แต่ทว่าปัญหาด้านค่าธรรมเนียมก๊าซที่สูงลิ่วยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยทางบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล IntoTheBlock อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า
“การเข้าถึง Ethereum นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เล่นรายย่อยในช่วงเร็วๆ นี้ โดยการใช้ Gas Cost Heatmap อันนี้ได้เปิดเผยว่าในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ค่า Gas โดยเฉลี่ยนนั้นสูงกว่า 200 Gwei เข้าแล้ว”
ดังนั้น สิ่งนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมความนิยมของเครือข่ายอื่น ๆ เช่น Solana จึงเพิ่มขึ้นแทนที่ โดยมันได้เข้ามาแทนที่ Tether (USDT) ในตำแหน่งสกุลเงินดิจิทัลอันดับที่สี่ของตลาดไปเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากมันมีความเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และความแออัดน้อยที่สุด
Solana สามารถบรรลุความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงได้ เนื่องจากเป็นการรวมกลไกฉันทามติที่ผสาน Proof of Stake (POS) เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Proof-of-History ซึ่งช่วยสามารถยืนยันการทำธุรกรรมด้วยการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต และไม่ต้องใช้คน (Node) มาช่วยยืนยันการทำธุรกรรมอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าธรรมเนียมก๊าซที่สูงที่พบในเครือข่าย Ethereum นั้นคาดว่าจะได้รับการแก้ไขในทางที่ดีขึ้นด้วยการมาถึงของ ETH 2.0 ซึ่งเปิดตัวไปแล้วในเดือนธันวาคม 2020 โดยพวกเขานั้นพยายามเสนอการเปลี่ยนไปใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof of Stake (POS) แทนที่ Proof of Work (POW)