ยอดขาย NFT และเกม Blockchain ยังโตขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้คนในกลุ่ม Gen Z และ ผู้คนในแถบเอเชียได้ช่วยให้ยอดขาย NFT และเกม Blockchain ยังคงเฉิดฉายอยู่ในอุตสาหกรรมได้ แม้ว่าจะเกิดความผันผวนในตลาดคริปโตก็ตาม
ผู้คนในกลุ่ม Gen Z และ ผู้คนในแถบเอเชียได้ช่วยให้ยอดขาย NFT และเกม Blockchain ยังคงเฉิดฉายอยู่ในอุตสาหกรรมได้ แม้ว่าจะเกิดความผันผวนในตลาดคริปโตก็ตาม
ข้อมูลการสำรวจจากทาง DappRadar ได้แสดงให้เห็นว่ายอดขาย NFT และเกม Blockchain นั้นส่วนทางกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างสิ้นเชิง จะเห็นได้จากความผันผวนของราคา Bitcoin (BTC) และ สกุลเงินดิจิทัลเหรียญอื่น ๆ ที่ยังคงเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นเท่าไรนักในเดือนมกราคม ปีนี้ ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับนักลงทุนคริปโตอย่างมหาศาล บางรายมองว่าการที่ราคาร่วงลงมานั้นเกิดจากรัฐบาลกลางตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และ ความวุ่นวายทางการเมืองของคาซัคสถานที่ส่งผลให้ Hash rate ของ Bitcoin ลดต่ำลง โดยในวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ราคา BTC ลดลงมาต่ำกว่าระดับ 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่านักเทรดยังคงมีความหวังเฝ้ารอสัญญาณราคาขึ้นอยู่ก็ตาม
การพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องทำให้ยอดขาย NFT และเกม Blockchainเพิ่มขึ้น
การทำธุรกรรม Non-Fungible Token (NFT) ยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวน Unique Active Wallets (UAW) ที่เชื่อมต่อเข้ากับ NFT DApps บนเครือข่าย Ethereum เพิ่มขึ้นมากว่า 43% ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ในปี 2021 รวมไปถึงยอดขาย NFT ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2021 เป็น 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 วันแรกของปี 2022 ซึ่งการพัฒนาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม NFT เช่น การเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ LooksRare อาจมีส่วนช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโตมากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าเกม Blockchain ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการถูกนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมกว่า 52% โดยการพัฒนา Metaverse ควบคู่ไปกับอัตราการเติบโตของเกม Play-to-Earn ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับเกม Blockchain ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2022
กลุ่มวัยรุ่น Gen Z แล้ว ชาวจีนต่างก็มีส่วนช่วยให้ตลาดเติบโตขึ้นกว่าเดิม
ความสนใจของผู้คนที่มีต่อ NFT และเกม Blockchain ในช่วงตลาดขาลงอาจเกิดขึ้นมาจากการที่ทางรัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศพัฒนาอุตสาหกรรม NFT ที่ปราศจากคริปโตขึ้นเป็นครั้งแรก โดยตามรายงานของ DappRadar ระบุว่าปัจจุบันจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีกลุ่มผู้ใช้งานกว้างมากที่สุดในโลก ที่เพิ่มขึ้นมากว่า 166% จากตัวเลขการขึ้นทะเบียนในเดือนพฤศจิกายน
แม้ว่าตอนนี้ทางสหรัฐอเมริกาจะยังคงรับอันดับที่ 2 ในด้านปริมาณการใช้งานสุทธิก็ตาม แต่ทว่าก็ยังคงมีจำนวนผู้ใช้งานรายใหม่เพิ่มขึ้นมาในระบบนิเวศราว 175,000 รายด้วยกัน หรือโตขึ้นมากว่า 38% หลังผู้คนในกลุ่ม Millennials และ Generation Z เริ่มหันมาให้ความสนใจ และ กลายมาเป็นผู้ใช้งานหน้าใหม่เพิ่มขึ้นนั่นเอง