เผยประเทศแถบลาตินอเมริกา มองคริปโตเป็นเรื่องจับต้องได้แล้ว
จากข้อมูลล่าสุดของ Kaiko บริษัทให้บริการทางด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้กระแสการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ในแถบลาตินอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น
จากข้อมูลล่าสุดของ Kaiko บริษัทให้บริการทางด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้กระแสการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ในแถบลาตินอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น
จากข้อมูลล่าสุดของ Kaiko บริษัทให้บริการทางด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้กระแสการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ในแถบลาตินอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น
ลาตินอเมริกา มองคริปโตเป็นเรื่องจับต้องได้
แม้ว่าข่าวเกี่ยวกับการเติบโตของคริปโตเคอร์เรนซี่ในประเทศแถบลาตินอเมริกาจะเป็นเรื่องเก่าที่มีการรายงานกันมานานแล้ว แต่กรณีนี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจที่ว่า ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในแถบลาตินอเมริกาเริ่มมองเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เป็นสินทรัพย์ที่เสมือนหนึ่งจับต้องได้แล้ว เช่นเดียวับกระแสการลงทุนในเหรียญประเภท Stablecoin ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการชำระเงินผ่านบริษัทให้บริการบิทคอยน์ชั้นนำอย่าง Bitso และ Mercado
คนส่วนใหญ่ในประเทศแถบลาตินอเมริกาเริ่มให้ความสำคัญกับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อกับสกุลเงินในประเทศที่นับวันจะเริ่มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง รายงานข้อมูลจากทาง Kaiko ได้เผยให้เห็นว่า มีปริมาณการซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปริมาณซื้อขายพุ่งสูงขึ้น
ปริมาณการซื้อขายเหรียญคริปโตที่พุ่งสูงขึ้นนี้ มาจากบริษัทซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี่ยักษ์ใหญ่ 2 เจ้าด้วยกันก็คือ บริษัท Bitso ที่ตั้งอยู่ในประเทศเม็กซิโกกับบริษัท Mercado บริษัทซื้อขายเหรียญบิทคอยน์ที่ตั้งอยู่ในประเทศบราซิล โดยมีรายงานว่า บริษัท Bitso มีปริมาณการซื้อขายเหรียญคริปโตมากถึง $20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยกัน และในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามียอดปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นถึง $60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนทางด้านบริษัท Mercado ที่เปิดให้บริการซื้อขายเหรียญบิทคอยน์ได้มีการระบุว่า แม้ว่าบริษัทจะถูกจำกัดการซื้อขายเหรียญบิทคอยน์ในประเทศบราซิล แต่ยังคงมีปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นถึง $4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันด้วยกัน