Liquid Exchange ของญี่ปุ่นถูกแฮ็ก ต้องโอน Crypto กว่า 80 ล้าน USD หนี
บริการการแลกเปลี่ยนคริปโตของญี่ปุ่นอย่าง Liquid Exchange พลาดท่าถูกแฮ็กเกอร์โจมตีครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาสูญเสียเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 97 ล้านดอลลาร์ ไป และจำเป็นต้องต้องโอน Cryptocurrency ที่เหลือมูลค่า 80 ล้านเหรียญหนีเพื่อความปลอดภัย

บริการการแลกเปลี่ยนคริปโตของญี่ปุ่นอย่าง Liquid Exchange พลาดท่าถูกแฮ็กเกอร์โจมตีครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาสูญเสียเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 97 ล้านดอลลาร์ ไป และจำเป็นต้องต้องโอน Cryptocurrency ที่เหลือมูลค่า 80 ล้านเหรียญหนีเพื่อความปลอดภัย
ความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity) นั้นถือเป็นประเด็นหนึ่งที่แม้จะมีการวางแผนการป้องกันอย่างละเอียดถ้วนแล้วก็ตาม แต่ทว่าในโลกของคริปโตนั้นก็ยังคงมีปัญหาจากประเด็นนี้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะในองค์กรเล็ก หรือใหญ่ทั่วทั้งโลก โดยล่าสุดบริการการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลแบบออนไลน์รายใหญ่แห่งแดนปลาดิบ อย่าง Liquid Exchange ก็ได้พลาดท่าถูกแฮ็กเกอร์โจมตี คิดเป็นความเสียหายกว่า 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประสบการณ์แสนสาหัดของ Exchange ญี่ปุ่นกับการถูกแฮ็ก
Liquid Exchange ได้ออกมายืนยันถึงการถูกโจมตีในครั้งนี้ โดยพวกเขาระบุว่า Hot Wallet ของพวกเขานั้นถูกโจมตีเข้าอย่างจังโดยแฮ็กเกอร์นิรนาม โดยที่อยู่ของสินทรัพย์ที่แฮ็กเกอร์ได้เจาะเข้าไป และโอนเงินออกมา ได้แก่ BTC, ETH/EWT, TRX และ XRP ซึ่งทางทีมงานของ Liquid Exchange นั้นรับมือในเบื้องต้นด้วยการย้ายสินทรัพย์ไปยังกระเป๋าเงินเย็นแทน
*กระเป๋าเงินร้อน (Hot Wallet) กระเป๋าเงินคริปโตที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา โดยมันมักจะมาในรูปแบบของ Software หรือ Application ซึ่งทั้งมือถือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป สามารถเข้าถึงได้*
*กระเป๋าเงินเย็น (Cold Wallet) คือ กระเป๋าคริปโตที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยจะเก็บกุญแจส่วนตัว (Private keys) กับกุญแจสาธารณะ (Public keys) ไว้ในรูปแบบออฟไลน์ ซึ่งจะมีความปลอดภัยสูงกว่ากระเป๋าเงินร้อน*
ทั้งนี้ด้วยผลจากการโจมครั้งดังกล่าวได้ทำให้ Liquid เกิดความเสียหายกว่า 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพวกเขามีความต้องระงับการถอนและการฝากเงิน และการแลกเปลี่ยนในทันที ทั้งยังรีบทำการย้าย Cryptocurrency ที่เหลือมูลค่า 80 ล้านเหรียญหนีเพื่อความปลอดภัย และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น และจะไม่ปล่อยให้ผู้โจมตีลอยนวลอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันที่อยู่ที่รับเงินที่ถูกขโมยมาถูกปิดกั้นเป็นทีเรียบร้อย
Cybersecurity กับโลกคริปโต
ดังที่กล่าวไปในช่วงต้นของบทความว่าประเด็นด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity) ถือเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในอุตสาหกรรมคริปโตเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวสามารถทำให้เหล่าแฮ็กเกอร์ได้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แถมยังมีความเสี่ยงที่จะโดนจับกุมน้อยกว่าการโจรกรรมทางธนาคารดั้งเดิมหลายเท่าตัวอีกด้วย และถึงแม้เทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่ความสามารถในการเจาะระบบของเหล่าแฮ็กเกอร์ก็จะพัฒนาตามไปด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของกรณีข้างต้นก็คือการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้เคยออกมาเตือนให้เหล่านักลงทุนเตรียมการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยกระเป๋าเงิน Crypto สุดรักของพวกเขาไว้ให้ดี โดยระบุว่า ในที่สุดคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computer) จะสามารถเจาะกำแพงความปลอดภัยของ Crypto ได้ แม้ว่าเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังคงพัฒนาอยู่ก็ตาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถก้าวหน้าพอที่จะทำลายความปลอดภัยการเข้ารหัสของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงกระเป๋าเงิน Bitcoin ภายในหนึ่งทศวรรษเท่านั้น