IMF แนะควรมีมาตรฐานกำกับดูแลคริปโตระดับสากล เพื่อเสถียรภาพทางการเงิน

IMF เสนอให้มีนโยบายกำกับดูแล CBDC

ในช่วงที่ประเทศต่าง ๆ ได้เตรียมออกเหรียญ CBDC มากขึ้น องค์กร International Monetary Fund หรือ IMF ก็ได้เตรียมออกนโยบายใหม่เพื่อกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเสถียรภาพทางการเงิน

รายงานจาก IMF ได้กล่าวถึงสินทรัพย์คริปโตทั้งในเรื่องของการให้ผลตอบแทนสูง, ต้นทุนการทำธุรกรรมและความรวดเร็ว รวมถึงการต่อต้านการฟอกเงินว่า พร้อมเผยว่าปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มีการนำคริปโตไปใช้งานอย่างแพร่หลาย ซึ่ง IMF นั้นก็เชื่อว่าสินทรัพย์คริปโตจะกลายมาเป็นเครื่องมือในการโอนเงินระหว่างประเทศที่ เพราะคริปโตนั้นใช้ต้นทุนต่ำกว่าและทำให้การโอนเงินนั้นสะดวกรวดเร็วมากกว่าเดิม

ด้าน IMF ได้กล่าวถึงข้อท้าทายในเรื่องของเสถียรภาพทางการเงินโดยเฉพาะในเวลานี้ที่ผู้คนเริ่มหันมาเทรดคริปโตกันมากขึ้นว่า:

“ผู้ออกกฎหมายควรมีมาตรฐานสากลมาบังคับใช้สำหรับสินทรัพย์คริปโตและเพื่อให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบระบบนิเวศคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงควรมีนโยบายในระดับเศรษฐกิจมหภาคและจะต้องพิจารณาในเรื่องของประโยชน์ที่จะได้รับจากการที่ธนาคารกลางจะออกเหรียญ CBDC”

คริปโตเคอร์เรนซีเติบโต

รายงานจาก IMF ชี้ว่ามูลค่าตลาดคริปโตนั้นเติบโตขึ้นมากกว่า Bitcoin (BTC) และมีการเสนอขายเหรียญ Stablecoin มากขึ้นกว่าเดิม ข้อมูลจาก IMF ในช่วงระยะเวลา 3 ปียังเผยอีกว่าเหรียญคริปโตที่ไม่ใช่เหรียญ​ Stablecoin เช่น BTC นั้นทำกำไรได้พอ ๆ กับตลาดหุ้นดัชนี S&P 500 ตามรูปด้านล่าง

ทาง IMF ยังแนะนำว่าควรมีกรอบกำกับดูแลเหรียญ​ Stablecoin ทั่วโลกและกล่าวถึงเรื่องความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และนอกจากการนำ CBDC ไปใช้แล้ว นโยบายการลดค่าเงินดอลลาร์ก็จะช่วยให้รัฐบาลจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินในระดับมหภาคได้

ก่อนหน้านี้เดือนกรกฎาคม 2564 ก็มีรายงานจาก IMF เกี่ยวกับประโยชน์ของสกุลเงินดิจิทัลที่จะช่วยเข้ามาทำให้การทำธุรกรรมนั้นรวดเร็วขึ้น ใช้ต้นทุนต่ำลง และทำให้ผู้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

นอกจากนี้องค์กร IMF ก็เตรียมการที่จะพบปะประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์นาย Nayib Bukele  เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการนำ Bitcoin ไปใช้งานในวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย